Page 62 - รายงานประจำปี 2564 คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
P. 62

ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างอันสืบเนื่องจากข้อพิพาท  จากการไม่คืนหนังสือค้ำประกัน แต่โจทก์ก็ฟ้อง

            แรงงานหรือเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงาน  ขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ ที่มีคำสั่ง

            ตามมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๑) และ (๕) แห่งพระราชบัญญัติ  ให้โจทก์รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลของผู้ประกันตน


            จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน  ที่เข้าทำการรักษาที่โรงพยาบาลอื่น และให้เพิกถอน
            พ.ศ. ๒๕๒๒ คดีจึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษา  คำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ ซึ่งคำสั่งและ
            ของศาลยุติธรรม                                  คำวินิจฉัยดังกล่าวนี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นการปฏิบัติ

                                                            ตามมาตรา ๘๕ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม
            คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล          พ.ศ. ๒๕๓๓ ทั้งสิ้น และในมาตรา ๘๗ วรรคสาม

            ที่ ๑๑/๒๕๕๓                                     ก็บัญญัติไว้อย่างชัดแจ้งว่า ถ้าผู้อุทธรณ์ไม่พอใจให้
                   คดีที่โรงพยาบาลยื่นฟ้องสำนักงานประกัน  มีสิทธินำคดีไปสู่ศาลแรงงาน คดีจึงมิใช่เป็นข้อพิพาท

            สังคม จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ตามสัญญา  เรื่องสัญญาทางปกครองแต่เป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับ
            ให้บริการทางการแพทย์  ตามพระราชบัญญัติ  แรงงาน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของ

            ประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ และเป็นหน่วยงาน  ศาลยุติธรรม

            ทางปกครอง อันเนื่องมาจากโจทก์ได้รับความเสียหาย
            กรณีจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ เจ้าหน้าที่ในสังกัดจำเลย มีคำสั่ง  คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล

            ให้โจทก์รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลของผู้ประกันตน  ที่ ๙/๒๕๕๒

            ซึ่งมีบัตรประกันสังคมของโรงพยาบาลโจทก์ไปทำการ           คดีที่ลูกจ้างยื่นฟ้ององค์การฟอกหนัง
            รักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลอื่น โจทก์ยื่นอุทธรณ์คำสั่ง  เป็นจำเลยที่ ๑ กระทรวงกลาโหม จำเลยที่ ๒ ว่า  จำเลยที่ ๑
            ดังกล่าวต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติ  โดยความเห็นชอบของจำเลยที่ ๒ ออกประกาศ

            ประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ แต่คณะกรรมการอุทธรณ์  เลิกจ้างโจทก์ทั้งสองร้อยห้าโดยไม่เป็นธรรมเป็นเหตุให้
            ไม่รับอุทธรณ์ เนื่องจากเห็นว่าเป็นการอุทธรณ์คำสั่ง  โจทก์ทั้งสองร้อยห้าได้รับความเสียหายเป็นการละเมิด

            ที่ให้ปฏิบัติตามสัญญาจ้างให้บริการทางการแพทย   ต่อสิทธิของโจทก์ทั้งสองร้อยห้าตามที่กฎหมายว่าด้วย
                                                         ์
            มิใช่การอุทธรณ์คำสั่งซึ่งสั่งการตามพระราชบัญญัติ  การคุ้มครองแรงงานบัญญัติไว้ ขอให้บังคับจำเลย
            ประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ เห็นว่าคดีนี้โจทก์และ  ทั้งสองจ่ายค่าจ้างค้างจ่าย และให้จ่ายเงินพิจารณา

            จำเลยที่ ๑ มีความผูกพันกันตามสัญญาจ้างให้บริการ  ผลการปฏิบัติงานการเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี
            ทางการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม  และค่าเสียหายจากการไม่ได้รับการปรับเงินขึ้นร้อยละ ๔

            พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสัมพันธ์  ตามนโยบายรัฐบาลพร้อมดอกเบี้ย และให้รับโจทก์
            ของนายจ้างและลูกจ้างโดยตรง ประกอบกับคู่ความ  ทั้งสองร้อยห้ากลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่

            ยังโต้เถียงกันอยู่ว่าผู้ประกันตนเป็นลูกจ้างและประสบ  และอัตราค่าจ้างที่ได้รับขณะเลิกจ้าง เห็นว่า โจทก์

            อันตรายเนื่องจากการทำงานหรือไม่ ซึ่งจะมีผลให้  ทั้งสองร้อยห้าเป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นหน่วยงาน
            มีสิทธิได้รับเงินทดแทนตามกฎหมาย ศาลจำต้อง  ทางปกครอง  เมื่อโจทก์ทั้งสองร้อยห้ามีอำนาจเจรจา

            วินิจฉัยให้ได้ข้อเท็จจริงดังกล่าวเสียก่อน ทั้งคดีนี้  ต่อรองเกี่ยวกับสภาพการจ้าง การระงับข้อพิพาทแรงงาน

            แม้โจทก์จะฟ้องเรียกค่าบริการทางการแพทย์ตาม  การนัดหยุดงาน การปิดงาน การงดจ้างและมีการจัดตั้ง

            สัญญาจ้างให้บริการทางการแพทย์และเรียกค่าเสียหาย  สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การฟอกหนังขึ้นด้วย





           60    ร า ย ง า น ป ร ะ จ ำ ปี  ๒ ๕ ๖ ๔

                 คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
   57   58   59   60   61   62   63   64   65   66   67