Page 68 - รายงานประจำปี 2564 คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
P. 68
มีลักษณะเป็นสัญญาที่ให้ผู้ถูกฟ้องคดีเข้าร่วมจัดทำ กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การมหาชนของ
บริการสาธารณะซึ่งเป็นความสัมพันธ์ตามกฎหมาย ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ประกอบ
มหาชน ไม่ใช่ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน
ตามกฎหมายเอกชน สัญญาพิพาทจึงเป็นสัญญา และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๙๘
ทางปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔) แห่ง วรรคแรก ที่เป็นกฎหมายพิเศษเกี่ยวกับมาตรการ
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา ในการปราบปรามการทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือ
คดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คดีนี้จึงอยู่ในอำนาจพิจารณา กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการของเจ้าหน้าที่
พิพากษาของศาลปกครอง ของรัฐในทางวินัย คำสั่งลงโทษไล่ออกดังกล่าว จึงมีผล
เป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างผู้ฟ้องคดีกับ
คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และที่ ๒ ทำให้ผู้ฟ้องคดีต้องสิ้นสุด
ที่ ๑๖/๒๕๖๓ สถานภาพการเป็นเจ้าหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒
คดีที่เอกชนยื่นฟ้องกรรมการบริหารพัฒนา อันเป็นการระงับหรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของ
พิงคนคร ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงาน สิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายของผู้ฟ้องคดีโดยตรง
พัฒนาพิงคนคร ที่ ๑ สำนักงานพัฒนาพิงคนคร จึงเป็นคำสั่งทางปกครอง เมื่อผู้ฟ้องคดีนำคดีมาฟ้อง
(องค์การมหาชน) ที่ ๒ คณะกรรมการป้องกันและ โดยมีคำขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของ
ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่ ๓ ผู้ถูกฟ้องคดี ว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ในฐานะ
ผู้ฟ้องคดีเป็นเจ้าหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้รับ หน่วยงานของรัฐต้นสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑
ความเดือดร้อนเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอันเกิดจากการกระทำ
ออกคำสั่งลงโทษทางวินัยไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากการ ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับ
เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ตามการชี้มูล การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งทางปกครอง
ความผิดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และคดีพิพาทเกี่ยวกับ
เนื่องจากผู้ฟ้องคดีไม่ได้กระทำผิดอาญาและผิดวินัย การกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือ
ร้ายแรง ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งลงโทษทางวินัย เจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากคำสั่งทางปกครอง
และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ มีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีกลับเข้า ซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ทำงาน พร้อมทั้งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และที่ ๒ ชดใช้ ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) และ (๓) แห่งพระราชบัญญัต ิ
ค่าเสียหายจากการขาดรายได้ เห็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
เป็นองค์การมหาชน ซึ่งเป็นหน่วยงานอื่นของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๒
และมีฐานะเป็นหน่วยงานทางปกครอง ส่วนผู้ถูกฟ้อง ส่วนที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และที่ ๒ โต้แย้ง
คดีที่ ๑ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้ เขตอำนาจศาลปกครองว่า ข้อพิพาทในคดีนี้เป็นประเด็น
เกิดจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มีคำสั่งลงโทษไล่ออก เกี่ยวกับการลงโทษทางวินัยอันเป็นผลมาจากสัญญา
โดยเห็นว่า การกระทำของผู้ฟ้องคดีตามมติของ จ้างแรงงานหรือตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ตามสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงว่า ที่อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงาน
มีมูลความผิดอาญา และมีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรง ตามมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้ง
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จึงออกคำสั่งโดยอาศัยอำนาจตาม ศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ นั้น
66 ร า ย ง า น ป ร ะ จ ำ ปี ๒ ๕ ๖ ๔
คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล