Page 55 - Q2-ManualConsult ภ.2
P. 55

45




                           ๒.๓.๒.๒ การบําบัดทางความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy)
                           ๑) ความหมายและที่มา

                        แอรอน แบค (Aaron  Beck) ไดพัฒนาการบําบัดทางความคิดและพฤติกรรม (Cognitive

            Behavioral  Therapy) ขึ้นตั้งแตชวงทศวรรษ 1960  ซึ่งพัฒนามาจาก Cognitive  Therapy  ซึ่งใน
            ปจจุบัน Cognitive Therapy ถูกใชในความหมายเดียวกับ Cognitive Behavioral Therapy (Beck,

            2011, p.2)

                        ณัทธร พิทยรัตนเสถียร (2550,  หนา 255) ไดอธิบายวา Cognitive  Behavioral
            Therapy คือ จิตบําบัดรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีพื้นฐานมาจาก Cognitive  และ Behavioral  Therapy

            มีเปาหมายเพื่อลดความทุกขและปรับพฤติกรรมที่ไมเหมาะสม ดวยการปรับเปลี่ยนกระบวนการคิด

                        อรพรรณ ลือบุญธวัชชัย (2553,  หนา 113) ไดอธิบายวา การบําบัดทางความคิดและ
            พฤติกรรม (Cognitive-Behavior therapy / CBT) คือ จิตบําบัดระยะสั้นรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีโครงสราง

            และมีกระบวนการบําบัดที่ชัดเจน มีเปาหมายเพื่อปรับเปลี่ยนความคิดหรือพฤติกรรมที่ไมเหมาะสมหรือ

            เปนปญหา โดยนําเทคนิคทางจิตตางๆ มาปรับใชในการปรับเปลี่ยนความคิดที่ไมเหมาะสมและมีความ
            บิดเบือนใหมีเหตุผลสมเหตุสมผลและเหมาะสม ทําใหผูเขารับการบําบัดไดเรียนรูเขาใจสาเหตุตางๆ

            ที่เกิดขึ้น และสามารถจัดการกับปญหาที่เกิดขึ้นไดอยางถูกตองเหมาะสม และยังนําเทคนิค
            ดานการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาใชเพื่อลดพฤติกรรมที่ไมเหมาะสมและเพิ่มพฤติกรรมที่มีความ

            เหมาะสมใหมีมากยิ่งขึ้น

                           ๒) องคประกอบพื้นฐานของการบําบัดตามแนวทฤษฎีปญญาพฤติกรรม
                        ณัทธร พิทยรัตนเสถียร (2550, หนา 255-259) ไดอธิบายถึง องคประกอบพื้นฐานของ

            การบําบัดตามแนวทฤษฎีปญญาพฤติกรรม มีดังนี้

                          ๒.๑) การใหความรู (Psychoeducation) เพื่อใหผูปวยมีความรูและทักษะที่สามารถ
            ดูแลตนเองได อาจเปนการสอนโดยตรง หรือสอนผานสื่อตางๆ เชน แนะนําหนังสือ หรือแผนพับ เพื่อให

            ผูปวยไดเขาใจถึงอาการหรือโรคหรือปญหาที่ตนเองกําลังเผชิญอยู รวมทั้งกระบวนการรักษาในภาพรวม
            สอนโดยการแนะนําใหผูปวยรูจัก cognitive  model  และเขาใจถึงเหตุผลของขั้นตอนการบําบัด

            เพื่อกอใหเกิดความรวมมือในการรักษา ในเด็กควรสอนใหรูจัก อารมณ และความรูสึก เปนเรื่องที่ตอง

            ประยุกตใชใหมีความเหมาะสมตามพัฒนาการไปสูวัยรุนและวัยผูใหญ
                          ๒.๒) การฝกทักษะ (Skill Training) ในเด็กจะฝกทักษะที่พรองไป (Skill deficit) โดย

            ทักษะที่จําเปน มี 2  ทักษะไดแก ทักษะในการแกปญหา และ ทักษะทางสังคม โดยในการฝกทักษะใน

            การแกปญหา (Problem-solving skills training) เริ่มจากการสอนวิธีรับรูถึงปญหา และระบุสิ่งที่เปน
            ปญหา ไลเรียงวิธีที่แกปญหาไดทั้งหมดที่เปนไปได ผลที่จะตามมา สอนใหรูจักการประเมินผลดีผลเสีย

            และการฝกทักษะทางสังคม (Social Skills training) มีเปาหมายเพื่อเพิ่มปฏิสัมพันธกับผูอื่น และรูจัก

            รักษาสิทธิของตน โดยอาศัยเทคนิคตางๆ เชน การทําใหดูเปนแบบอยาง (modeling) การฝกบทบาท
            สมมติ (role-playing) เปนตน








           ๕๔  คู่มือปฏิบัติงาน
               การด�าเนินงานตามมาตรการพิเศษ
   50   51   52   53   54   55   56   57   58   59   60