Page 103 - สรุปแนวคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลในคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาฯ
P. 103
ี
จึงเป็นสัญญาทางแพ่งธรรมดา การท่ผู้ฟ้องคดีฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญา
�
ื
ี
เช่าช่วงจึงเป็นเพียงข้ออ้างเพ่อนามาสู่การขอเพิกถอนสัญญาท่ผู้ฟ้องคด ี
�
ี
ั
�
ี
ทากับผู้ถูกฟ้องคดีท่ 2 และท่ 1 และขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีท้งสามชาระเงิน
คืน เมื่อความประสงค์หลักของผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นประเด็นหลักของคดีที่ศาล
ี
�
จะต้องพิจารณาน้ เป็นสัญญาทางแพ่งท่อยู่ในอานาจพิจารณาพิพากษา
ี
ของศาลยตธรรม สญญาเช่าช่วงดงกล่าวระหว่างผู้ถกฟ้องคดที 1 และ
ั
ู
ิ
ี
่
ั
ุ
ี
ื
ท่ 2 ก็ควรจะได้รับการพิจารณาในศาลเดียวกัน เพ่อความสะดวกในการ
อานวยความยุติธรรมให้แก่คู่ความ
�
ี
คาวินิจฉัยช้ขาดอานาจหน้าท่ระหว่างศาลท่ ๔๘/๒๕๕๗
ี
�
�
ี
ี
และ ๕๐/๒๕๕๗ คดีท่เอกชนเป็นโจทก์ฟ้องหน่วยงานทางปกครองเป็น
�
ี
ี
�
ี
�
ี
จาเลยท่ 1 และเจ้าหน้าท่ของรัฐผู้กระทาการแทนเป็นจาเลยท่ 2 ถึงท่ 4
�
อ้างว่า โจทก์ทาสัญญาเช่าอาคารพาณิชย์และห้องพักอาศัยในโครงการ
ตลาดกลางเกษตรกรตล่งชันกับจาเลยท่ 1 โดยชาระเงินกินเปล่าเป็น
�
ี
�
ิ
ค่าตอบแทนการเช่าให้แก่บุคคลภายนอกซ่งเป็นเอกชนและเป็นผู้ได้รับ
ึ
สิทธิลงทุนก่อสร้างอาคารดังกล่าว แต่ต่อมาจาเลยท้งสี่ไม่ต่อสัญญาเช่า
�
ั
�
ให้แก่โจทก์ ทาให้ได้รับความเสียหาย ขอให้ร่วมกันคืนเงินกินเปล่าและ
ี
ี
�
ชาระค่าเสียหาย คดีน้แม้จาเลยท่ 1 จะเป็นหน่วยงานทางปกครอง แต่
�
สัญญาเช่าอาคารพาณิชย์และห้องพักอาศัยระหว่างโจทก์กับจาเลยท่ 1
ี
�
ี
มีสาระสาคัญเป็นเพียงการให้เช่าสถานท่ โดยจาเลยท่ 1 ประสงค์เพียง
�
ี
�
ค่าเช่าและค่าใช้ประโยชน์เป็นการตอบแทน สัญญาจึงมีเน้อหาเช่นเดียวกับ
ื
ึ
สัญญาทางแพ่ง ซ่งก็เป็นลักษณะของการประกอบกิจการเชิงพาณิชย์
ั
�
ี
เช่นเดียวกับสัญญาท่เอกชนทากับเอกชนเท่าน้น สัญญาพิพาทจึงมิใช่สัญญา
ี
ทางปกครอง จึงเป็นคดีพิพาทเก่ยวกับสัญญาทางแพ่ง
92 สรุปแนว ค�ำวินิจฉัยช้ขำดอ�ำนำจหน้ำที่ระหว่ำงศำลในคดีพิพำทเกี่ยวกับสัญญำ
ี
ั
และค�ำวินิจฉัยชี้ขำดอ�ำนำจหน้ำที่ระหว่ำงศำล กรณีค�ำพิพำกษำหรือค�ำส่งที่ถึงที่สุดระหว่ำงศำลขัดแย้งกัน
ตำมพระรำชบัญญัติว่ำด้วยกำรวินิจฉัยชี้ขำดอ�ำนำจหน้ำที่ระหว่ำงศำล พ.ศ. ๒๕๔๒ มำตรำ 1๔
(พ.ศ. ๒๕๔๔ - ๒๕6๒)