Page 204 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๒-๒๕๖๑-กฎหมาย
P. 204

ดุลพาห




                                                                          ๖
               คดีอาญาของผู้ดำารงตำาแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๘  เป็นต้น และเมื่อวันที่
               ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม

               ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่...) พ.ศ. .... แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๗๒ ทวิ
                                                                                              ๗
                                                           ๘
               และเพิ่มมาตรา ๑๗๒ ทวิ/๑ มาตรา ๑๗๒ ทวิ/๒  เมื่อมีบทบัญญัติกฎหมายที่เพิ่มเติมและ
               ขยายขอบเขตการสืบพยานลับหลังออกไปเช่นนี้ จึงมีความจำาเป็นต้องศึกษาเปรียบเทียบหลัก

               กฎหมายต่างประเทศเพื่อทำาความเข้าใจว่าการสืบพยานลับหลังจำาเลยโดยไม่ขัดกับหลักการ
               พิจารณาคดีด้วยความเป็นธรรมนั้น ควรจะมีองค์ประกอบหรือเงื่อนไขอย่างไร


               ๖.  พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำารงตำาแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐
                  มาตรา ๒๘ บัญญัติว่า ในกรณีที่ศาลประทับรับฟ้องไว้ตามมาตรา ๒๗ และศาลได้ส่งหมายเรียก และสำาเนา
                 ฟ้องให้จำาเลยทราบโดยชอบแล้วแต่จำาเลยไม่มาศาล ให้ศาลออกหมายจับจำาเลยและให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง
                 กับการติดตามหรือจับกุมจำาเลยรายงานผลการติดตามจับกุมเป็นระยะตามที่ศาลกำาหนด
                      ในกรณีที่ได้ออกหมายจับจำาเลยและได้มีการดำาเนินการตามวรรคหนึ่งแล้ว แต่ไม่สามารถจับจำาเลยได้
                  ภายในสามเดือนนับแต่ออกหมายจับ ให้ศาลมีอำานาจพิจารณาคดีได้โดยไม่ต้องกระทำาต่อหน้าจำาเลย
                 แต่ไม่ตัดสิทธิจำาเลยที่จะตั้งทนายความมาดำาเนินการแทนตนได้
                      บทบัญญัติมาตรานี้ไม่เป็นการตัดสิทธิจำาเลยที่จะมาศาลเพื่อต่อสู้คดีในเวลาใดก่อนที่ศาลจะมี
                 คำาพิพากษา แต่การมาศาลดังกล่าวไม่มีผลให้การไต่สวนและการดำาเนินกระบวนพิจารณาที่ได้ทำาไปแล้วต้องเสียไป
               ๗. ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๔) และ (๕) ของวรรคหนึ่งของมาตรา ๑๗๒ ทวิ แห่งประมวลกฎหมายวิธี
                 พิจารณาความอาญา
                      “(๔) จำาเลยไม่อาจมาฟังการพิจารณาและสืบพยานได้เนื่องจากความเจ็บป่วยหรือมีเหตุจำาเป็น
                 อย่างอื่นอันมิอาจก้าวล่วงได้ เมื่อจำาเลยมีทนายความและจำาเลยได้รับอนุญาตจากศาลที่จะไม่มาฟัง
                 การพิจารณาและสืบพยาน
                    (๕) ในระหว่างการพิจารณาและสืบพยาน ศาลมีคำาสั่งให้จำาเลยออกจากห้องพิจารณาเพราะเหตุ
                 ขัดขวางการพิจารณา หรือจำาเลยออกจากห้องพิจารณาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล”.
               ๘. มาตรา ๑๗๒ ทวิ/๑ ภายหลังที่ศาลได้ดำาเนินการตามมาตรา ๑๗๒ วรรคสองแล้ว เมื่อศาลเห็นว่าจำาเลย
                 หลบหนีหรือไม่มาฟังการพิจารณาและสืบพยานโดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้ศาลออกหมายจับจำาเลย หากไม่ได้
                 ตัวจำาเลยมาภายในสามเดือนนับแต่วันออกหมายจับ เมื่อศาลเห็นเป็นการสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความ
                 ยุติธรรมที่จะให้การพิจารณาคดีเป็นไปโดยไม่ชักช้า และจำาเลยมีทนายความ ให้ศาลมีอำานาจพิจารณา
                 และสืบพยานลับหลังจำาเลยได้ และเมื่อศาลพิจารณาคดีเสร็จแล้ว ให้ศาลมีคำาพิพากษาในคดีนั้นต่อไป
                      การพิจารณาและสืบพยานตามวรรคหนึ่งต้องมิใช่คดีที่มีอัตราโทษประหารชีวิตหรือคดีที่จำาเลย
                 มีอายุไม่เกินสิบแปดปีในวันที่ถูกฟ้องต่อศาล
                      มาตรา ๑๗๒ ทวิ/๒ ในคดีที่จำาเลยเป็นนิติบุคคล ภายหลังที่ศาลได้ดำาเนินการตามมาตรา ๑๗๒
                 วรรคสองแล้ว เมื่อมีกรณีที่ศาลได้ออกหมายจับผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้นแล้ว แต่ยังจับตัวมา
                 ไม่ได้ภายในสามเดือนนับแต่วันออกหมายจับ และไม่มีผู้แทนอื่นของนิติบุคคลมาดำาเนินการแทนนิติบุคคล
                 นั้นได้  เมื่อศาลเห็นเป็นการสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่จะให้การพิจารณาคดีเป็นไปโดย
                 ไม่ชักช้า ให้ศาลมีอำานาจพิจารณาและสืบพยานลับหลังจำาเลยได้ และเมื่อศาลพิจารณาคดีเสร็จแล้ว ให้ศาล
                 มีคำาพิพากษาในคดีนั้นต่อไป.


               พฤษภาคม - สิงหาคม ๒๕๖๑                                                     193
   199   200   201   202   203   204   205   206   207   208   209