Page 206 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๒-๒๕๖๑-กฎหมาย
P. 206

ดุลพาห




               จึงไม่ได้แต่งตั้งทนายความมาดำาเนินคดี แต่ศาลได้แต่งตั้งทนายความต่อสู้คดีแทน มีการสืบ
               พยานจนเสร็จและศาลมีคำาพิพากษาเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ปี ค.ศ. ๑๙๙๖ ว่าโจทก์มีความผิด

               และลงโทษจำาคุก ๒๑ ปี ๘ เดือน มีการแจ้งผลคำาพิพากษาให้ทนายของโจทก์ทราบแล้ว

               แต่ทนายความไม่ยื่นอุทธรณ์ คดีจึงถึงที่สุดตามกฎหมาย

                        ต่อมาวันที่ ๒๒ กันยายน ปี ค.ศ. ๑๙๙๙ โจทก์ถูกจับในกรุงฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี

               โดยหมายจับที่ออกโดยอัยการประเทศอิตาลี หลังจากนั้นไม่นานรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
               ยุติธรรมอิตาลียื่นคำาร้องขอให้เยอรมนีส่งตัวโจทก์เป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปรับโทษที่อิตาลี

               โดยในคำาร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนระบุว่าหากโจทก์ถูกส่งตัวกลับไปอิตาลีโจทก์มีสิทธิร้องขอ
               ต่อศาลอิตาลีเพื่อขออนุญาตยื่นอุทธรณ์แม้จะสิ้นกำาหนดเวลาไปแล้วได้ (leave to appeal

               out of time) ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาอิตาลี มาตรา ๑๗๕ บัญญัติไว้
               ทั้งนี้ รัฐบาลอิตาลีแจ้งรัฐบาลเยอรมนีว่า ก่อนการดำาเนินคดี ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีการแจ้ง

               อย่างเป็นทางการให้โจทก์ทราบข้อกล่าวหา ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าโจทก์ติดต่อกับทนายความ

               ที่ศาลตั้งให้ แม้จะได้ความว่าทนายความเดินทางไปศาลทุกนัดและนำาพยานเข้าสืบหลายปาก
               แต่อัยการอิตาลียืนยันว่าโจทก์หลบหนีไปโดยสมัครใจหลังจากเกิดเหตุ และในทางกฎหมาย

               แล้วโจทก์ก็อาจมีสิทธิอุทธรณ์คำาพิพากษาได้ ในที่สุดแล้ววันที่ ๖ ธันวาคม ปี ค.ศ. ๑๙๙๙
               รัฐบาลเยอรมนีปฏิเสธที่จะส่งตัวโจทก์เป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปอิตาลีด้วยเหตุผลว่ากฎหมาย

               อิตาลีไม่มีหลักประกันที่ชัดเจนแน่นอนเพียงพอว่าคดีของโจทก์จะมีโอกาสที่จะถูกรื้อฟื้นหรือ
               พิจารณาใหม่


                        หลังจากโจทก์ถูกรัฐบาลเยอรมนีปล่อยตัวจึงมาฟ้องรัฐบาลอิตาลีต่อศาล
               สิทธิมนุษยชนยุโรปว่าการที่ศาลอิตาลีพิจารณาคดีลับหลังและตัดสินลงโทษโจทก์ โดยโจทก์ไม่มี

               โอกาสต่อสู้คดี เป็นการละเมิดต่อข้อ ๖ ของอนุสัญญายุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ในระหว่าง

               พิจารณา รัฐบาลอิตาลีต่อสู้เรื่องอำานาจฟ้องว่าโจทก์ยังไม่ใช้ช่องทางเยียวยาตามกฎหมาย
               ภายในของอิตาลีก่อน คือการยื่นคำาร้องขอให้คำาพิพากษาสิ้นผลบังคับ ตามประมวลกฎหมาย

               วิธีพิจารณาความอาญาอิตาลี มาตรา ๖๗๐ ซึ่งสามารถกระทำาได้เมื่อแสดงให้เห็นว่ามีความผิด
               ปกติในกระบวนพิจารณาซึ่งรวมถึงกระบวนการส่งหมายเรียกและสำาเนาคำาฟ้องด้วย หรืออาจ

               ยื่นคำาร้องขออนุญาตอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๕ ก็ได้
               แต่ศาลเห็นว่ารัฐบาลอิตาลีไม่สามารถต่อสู้ในประเด็นนี้ได้เพราะไม่ได้ให้การไว้ ศาลจึงพิจารณา






               พฤษภาคม - สิงหาคม ๒๕๖๑                                                     195
   201   202   203   204   205   206   207   208   209   210   211