Page 210 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๒-๒๕๖๑-กฎหมาย
P. 210

ดุลพาห




               ซึ่งศาลเห็นว่าเมื่อยังไม่มีการโต้แย้งว่ากฎหมายใหม่ขัดแย้งกับอนุสัญญาหรือไม่ ศาลจึงไม่
               วินิจฉัยในชั้นนี้ แต่สำาหรับคดีนี้ เมื่อฟังว่ามีการละเมิดสิทธิก็ต้องมีการเยียวยา ซึ่งการเยียวยา

               ที่ดีที่สุดคือการให้สิทธิโจทก์คดีนี้ในการพิจารณาใหม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับความประสงค์ของโจทก์ว่า

               ต้องการหรือไม่ หากประสงค์ รัฐบาลอิตาลีต้องดำาเนินการให้ โดยศาลปฏิเสธที่จะกำาหนด
               รายละเอียดของการพิจารณาใหม่ว่าต้องทำาอย่างไร โดยเฉพาะการกำาหนดแนวทางปฏิบัติต่อ

               พยานหลักฐานเดิมที่สืบมาแล้ว ทั้งที่รัฐบาลอิตาลีพยายามร้องขอให้ศาลกำาหนดเพื่อความ
               ชัดเจน โดยศาลให้เหตุผลว่าในส่วนรายละเอียดการดำาเนินการตามคำาพิพากษานั้นเป็นอิสระ

               ของประเทศสมาชิก

                        นอกจากการให้มีการพิจารณาใหม่แล้ว โจทก์คดีนี้ยังเรียกร้องค่าเสียหายจากการ

               ถูกคุมขังเพื่อรอการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และค่าใช้จ่ายในการดำาเนินคดีทั้งในคดีส่งผู้ร้าย
               ข้ามแดนและคดีนี้ในศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป ในส่วนค่าเสียหายเพื่อทดแทนการถูกคุมขัง

               ระหว่างการรอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ศาลเห็นว่าไม่มีความสัมพันธ์กับการฝ่าฝืนข้อ ๖ ของ

               อนุสัญญาฯ จึงไม่กำาหนดให้ ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำาเนินคดี ศาลเห็นว่าในคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน
               ก็มีประเด็นการโต้แย้งกฎหมายอิตาลี จึงกำาหนดค่าเสียหายในการดำาเนินคดีทั้งสองคดีให้แก่

               โจทก์พร้อมกำาหนดดอกเบี้ยผิดนัดให้ด้วย


               ๔. แง่มุมเชิงเปรียบเทียบกับกฎหมายไทย


                        แม้ประเทศไทยจะไม่ได้เป็นภาคีอนุสัญญายุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และศาล

               สิทธิมนุษยชนยุโรปจะไม่มีเขตอำานาจเหนือประเทศไทย แต่ประเทศไทยเป็นภาคีกติการะหว่าง
               ประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งในข้อ ๑๔ (๓) (d) ของกติกา

               ระหว่างประเทศดังกล่าวได้รับรองสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีต่อหน้าตนเองไว้เป็นส่วนหนึ่ง
               ของสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีด้วยความเป็นธรรมในลักษณะเดียวกับข้อ ๖ ของอนุสัญญา

               ยุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และ UN Human Rights Committee ได้วางหลักในเรื่องการ
                                                                                ๙
               พิจารณาคดีลับหลังนี้ไว้ทำานองเดียวกับศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปในหลายคดี  คำาวินิจฉัยของ
               ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปคดีนี้จึงอาจนำามาเทียบเคียงให้เห็นความแตกต่างหรือสอดคล้องของ
               กฎหมายไทยกับหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศได้


               ๙. เช่น คดี Mbenge v. Zaire, U.N. Doc. CCPR/C/OP/2, (Mar. 25, 1983), คดี Maleki v Italy,
                 Comm. No. 699/2996, U.N. Doc. CCPR/C/66/D/669/1996 (July 27, 1999).



               พฤษภาคม - สิงหาคม ๒๕๖๑                                                     199
   205   206   207   208   209   210   211   212   213   214   215