Page 207 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๒-๒๕๖๑-กฎหมาย
P. 207

ดุลพาห




            ต่อไปในประเด็นว่าการพิจารณาคดีลับหลังกรณีนี้ขัดต่อหลักเรื่องการพิจารณาคดีด้วยความ
            เป็นธรรมที่ข้อ ๖ แห่งอนุสัญญายุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชนรับรองไว้หรือไม่



            ๒. ข้อกฎหมาย


                     ศาลในคดีนี้ทบทวนหลักกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีด้วยความ
            เป็นธรรมในบริบทของการพิจารณาคดีลับหลังจำาเลย (trial in absentia) จากคำาพิพากษา

            ของศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปในคดีก่อนๆ แล้ววางหลักว่าแม้ไม่มีบัญญัติไว้ชัดเจนในข้อ ๖
            ของอนุสัญญาฯ แต่สิทธิของจำาเลยที่จะได้รับการพิจารณาคดีต่อหน้าตนเองก็เป็นส่วนหนึ่ง

            ของสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาด้วยความเป็นธรรม อย่างไรก็ดี การพิจารณาคดีลับหลังหรือ

            โดยที่จำาเลยไม่มีส่วนร่วมนั้น ในตัวของมันเองก็ไม่ได้ถือว่าขัดต่อหลักการพิจารณาคดีด้วยความ
            เป็นธรรมในทุกกรณี แต่ต้องพิจารณาองค์ประกอบอื่นประกอบด้วย เช่น หากไม่ปรากฏว่า

            จำาเลยในคดีได้สละสิทธิที่จะเข้าร่วมและต่อสู้คดีโดยชัดแจ้งหรือจงใจหลีกเลี่ยงการพิจารณาคดี
            การพิจารณาคดีลับหลังที่ไม่เปิดโอกาสให้จำาเลยดังกล่าวซึ่งเพิ่งรับทราบถึงการดำาเนินคดีในการ

            ขอรื้อฟื้นหรือขอให้พิจารณาคดีใหม่ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายย่อมถือเป็นการพิจารณา
            โดยไม่เป็นธรรม


                     ศาลเน้นยำ้าว่าแต่ละประเทศสมาชิกมีอิสระในการกำาหนดมาตรการทางกฎหมาย
            ว่าการพิจารณาคดีลับหลังอย่างไรจึงจะเป็นธรรม หน้าที่ของศาลคือการวินิจฉัยว่ามาตรการ

            ที่แต่ละประเทศกำาหนดนั้นเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการคุ้มครองสิทธิของจำาเลย

            ที่ไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าสละสิทธิที่จะเข้าร่วมการพิจารณาและต่อสู้คดีหรือจำาเลยที่จงใจ
            หลีกเลี่ยงการพิจารณาหรือไม่ หากไม่มีประสิทธิภาพถือเป็นการละเมิดแก่นอันเป็นสาระสำาคัญ

            ของหลักเรื่องการพิจารณาด้วยความเป็นธรรม โดยตัวอย่างของมาตรการที่มีประสิทธิภาพก็
            เช่น การอนุญาตให้มีการรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่ การอนุญาตให้มีการเริ่มนับเวลาอุทธรณ์

            ใหม่หลังจากจำาเลยทราบถึงการพิจารณาแล้ว เป็นต้น

                     ศาลยังยำ้าต่อไปว่าสิทธิที่เข้าร่วมและได้รับการพิจารณาคดีต่อหน้าตนเองนั้นเป็น

            สิทธิที่สามารถสละได้ทั้งโดยชัดแจ้งและโดยปริยาย แต่ต้องมีพฤติการณ์ที่ไม่อาจโต้แย้ง
            เป็นอย่างอื่น (unequivocal) ว่าเป็นการสละสิทธิ และการสละสิทธินั้นต้องไม่ขัดต่อประโยชน์

            สาธารณะอันสำาคัญ และโดยทั่วไปหากไม่มีการแจ้งให้จำาเลยทราบด้วยตนเองถึงข้อกล่าวหา
            ย่อมไม่สามารถอนุมานได้จากพฤติการณ์ที่ไม่สามารถติดตามตัวจำาเลยได้ว่าจำาเลยสละ



            196                                                              เล่มที่ ๒ ปีที่ ๖๕
   202   203   204   205   206   207   208   209   210   211   212