Page 95 - รายงานประจำปี 2563
P. 95
้
ี
ี
�
พร้อมลวดหนามและป้ายต่าง ๆ ท่วางปักติด ในส่วนท่ถูกรุกลาให้กลับคืนสภาพเดิมผู้ถูกฟ้องคด ี
ั
ี
�
ั
ี
ั
ในบริเวณท่ดินออกท้งหมดหากจาเลยท้งแปดไม่ ท้งสองให้การว่า ผู้ถูกฟ้องคดีท่ ๑ ก่อสร้างโครงการ
ั
�
ดาเนินการให้โจทก์ท้งหกมีสิทธิจัดการร้อถอน ก่อสร้างทางหลวง สายแยกทางหลวงหมายเลข ๒๔
ื
ั
�
ิ
่
สงกีดขวางทงหมดได้ตามกฎหมายโดยจาเลย จาก ๒ ช่องจราจรเป็น ๔ ช่องจราจร รวมระยะทาง
้
้
ี
ั
ั
ท้งแปดเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทงปวง จึงเป็นกรณ ๑๒.๘๑๕ กิโลเมตร ในการก่อสร้างทางดังกล่าว
ี
ั
�
ั
ท่โจทก์ท้งหกกล่าวอ้างว่า จาเลยท้งแปดซ่งเป็น ได้ดาเนินการในเขตทางเดิมและเขตทางใหม่ท่จะ
ี
ึ
�
หน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าท่ของรัฐ ต้องเวนคืนเพ่ม แต่ท่ดินโฉนดพิพาทไม่ได้ถูกเวนคืน
ิ
ี
ี
�
้
ี
กระทาละเมิดอันเกิดจากการใช้อานาจตาม และไม่ได้สร้างรุกลาเข้าไปในท่ดินของผู้ฟ้องคด ี
�
�
�
กฎหมายบังคับตามคาส่งทางปกครอง เป็นกรณ ี การดาเนินการของผู้ถูกฟ้องคดีท้งสองไม่ก่อให้เกิด
ั
�
ั
ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติ ความเสียหายหรือละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี ขอให้
จัดต้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ยกฟ้อง เห็นว่า เหตุแห่งการฟ้องคดีน้ ผู้ฟ้องคด ี
ั
ี
�
�
ี
พ.ศ. ๒๕๔๒ อันเป็นคดีท่อยู่ในอานาจพิจารณา กล่าวอ้างว่า ผู้ถูกฟ้องคดีท้งสองก่อสร้างถนนรุกลา
้
ั
พิพากษาของศาลปกครอง คดีน้จึงไม่เป็นคดีพิพาท เข้ามาในท่ดินของผู้ฟ้องคดี แต่ผู้ถูกฟ้องคดีท้งสอง
ี
ั
ี
ี
ี
อันมีลักษณะเป็นคดีเก่ยวกับสิทธิในท่ดิน ตาม ให้การว่าได้ก่อสร้างทางหลวงในเขตทางเดิมไม่ได้
ุ
ิ
่
ั
�
�
้
ิ
ี
ิ
่
้
ู
้
ี
่
ี
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อยู่ในอานาจ รกลาเข้าไปในทดนของผฟองคด การทจะวนจฉยวา
ี
ู
ู
ู
้
ั
�
ิ
พิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม ผ้ถกฟ้องคดทงสองกระทาละเมดต่อผ้ฟ้องคด ี
ี
�
หรือ กรณีตัวอย่าง แนวคาวินิจฉัยของ หรือไม่ เป็นเพียงผลของการวินิจฉัยปัญหาเก่ยวกับ
ี
�
ี
คณะกรรมการฯ เก่ยวการกระทาละเมิดของ สิทธิในท่ดินพิพาทระหว่างผู้ฟ้องคดีกับผู้ถูกฟ้องคด ี
ี
หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าท่ของรัฐ ท้งสอง ซ่งหากศาลวินิจฉัยว่าท่ดินพิพาทเป็นของ
ึ
ั
ี
�
ี
ั
ในคดีที่เกี่ยวกับที่ดิน และคณะกรรมการฯ วินิจฉัย ผู้ฟ้องคดี การท่ผู้ถูกฟ้องคดีท้งสองกระทาการตาม
ว่าเป็นคดีเก่ยวกับสิทธิในท่ดินท่อยู่ในเขตอานาจ ฟ้องก็เป็นการกระทาละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี แต่หาก
�
ี
�
ี
ี
ู
ู
ี
ิ
ิ
ิ
่
พิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม ทดนพพาทเป็นเขตทางเดมจะเป็นผลให้ผ้ถกฟ้อง
ี
ี
คำาวินิจฉัยช้ขาดอำานาจหน้าท่ระหว่างศาล คดีท้งสองมีอานาจก่อสร้างถนนได้โดยไม่เป็น
ั
�
ี
ท่ ๑๑/๒๕๖๓ คดีน้เอกชนย่นฟ้องสานักงาน ละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี ดังน้น จึงเห็นได้ว่า การท ่ ี
ั
ี
ื
�
ี
ี
ื
ก่อสร้างทางที่ ๒ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ กรมทางหลวง ผู้ฟ้องคดใช้สิทธิฟ้องคดีน้ ก็เพ่อขอให้ศาลรับรอง
ี
์
�
ผู้ถูกฟ้องคดีท่ ๒ ว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นเจ้าของกรรมสิทธ คุ้มครองสิทธิในท่ดินของตนเป็นสาคัญ ข้อพิพาท
ิ
ี
ี
ี
ี
ี
ี
โฉนดท่ดินได้รับความเสียหายจากการท่ผู้ถูกฟ้อง ในคดีน้จึงเป็นคดีพิพาทเก่ยวกับสิทธิในท่ดินท่อยู่
ี
คดีที่ ๒ โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้ก่อสร้างทางหลวง ในอ�านาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
ี
ี
�
รุกลาเข้ามาในท่ดินของผู้ฟ้องคดี ขอให้ชดใช้ คำาวินิจฉัยช้ขาดอำานาจหน้าท่ระหว่างศาล
้
ี
ค่าเสียหายเป็นค่าปรับท่นาและผลผลิตทาง ท่ ๘๐/๒๕๖๓ คดีท่โจทก์เป็นเอกชนย่นฟ้อง
ื
ี
ี
ี
ี
�
การเกษตร (ข้าว) เสียหายขอให้ผู้ถูกฟ้องคด องค์การบริหารส่วนตาบลหนองปรือ ท่ ๑ นายก
ี
ิ
ี
ั
ท้งสองคืนท่ดินและปรับสภาพท่ดินของผู้ฟ้องคด องค์การบรหารส่วนตาบลหนองปรอ ท ๒ ปลด
ี
ี
ั
ื
ี
่
�
คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำานาจหน้าที่ระหว่างศาล ๙๓