Page 140 - ดุลพาห เล่ม3.indd
P. 140

ดุลพาห




                        ปัญหาในทางทฤษฎีและในทางปฏิบัติมีว่า ผู้กำาหนดโทษต้องคำานึงถึงข้อเท็จจริง
               ที่กล่าวมาข้างต้นนี้หรือไม่ เพียงใด ในด้านหนึ่งอาจโต้แย้งได้ว่าปัญหาที่กล่าวมานี้เป็นเรื่อง

               ของความยุติธรรมทางสังคม (social justice) ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมทาง
               อาญา (criminal justice) ดังนั้น หน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมทางอาญาน่าจะพิจารณา

               เพียงว่าผู้กำาหนดโทษมีการเลือกปฏิบัติโดยอาศัยความแตกต่างเรื่องสีผิว ศาสนา เพศ ฐานะ
               หรือเหตุอื่นหรือไม่ ถ้าไม่จงใจเลือกปฏิบัติ ไม่น่าจะเกิดปัญหาเรื่องความไม่เท่าเทียมกัน แต่ก็มี
               นักวิชาการจำานวนไม่น้อยที่เห็นว่าความยุติธรรมทางอาญากับความยุติธรรมทางสังคม

               เป็นเรื่องเดียวกัน และหน้าที่ประการสำาคัญของกระบวนการยุติธรรมทางอาญาคือต้อง
               ไม่ทำาให้เกิดความไม่ยุติธรรมทางสังคมเกิดขึ้น  ดังนั้น  ปัญหาความแตกต่างข้างต้น
               ยังต้องคำานึงถึงในการกำาหนดโทษและเปิดโอกาสให้ผู้ด้อยโอกาสในสังคมสามารถอ้าง

               ความด้อยโอกาสเป็นเหตุบรรเทาโทษได้

                 ๕.๒  การบังคับชำาระค่าปรับด้วยการกักขังหรือจำาคุก


                        การบังคับชำาระค่าปรับด้วยการใช้โทษที่รุนแรงกว่าเช่นกักขังและจำาคุกนั้นมีอยู่
               ในกฎหมายทุกประเทศ แต่ประเด็นปัญหาในประเทศไทยน่าจะเป็นเรื่องความเข้าใจของ

               ผู้บังคับใช้กฎหมายซึ่งน่าจะมีความเข้าใจผิดตั้งแต่ระยะเวลาในการชำาระค่าปรับ ที่ประมวล
               กฎหมายอาญา มาตรา ๒๙ ระบุไว้ชัดเจนว่าจำาเลยมีเวลา ๓๐ วัน นับแต่ศาลพิพากษา

               ในการชำาระค่าปรับ หลังจากนั้นถ้าไม่ชำาระจึงจะถูกยึดทรัพย์หรือกักขัง แสดงให้เห็นว่าจำาเลย
               สามารถเดินออกจากศาลในวันพิพากษาและมาชำาระค่าปรับในวันใดก็ได้ภายใน ๓๐ วัน

               แต่ทางปฏิบัติคือจำาเลยต้องชำาระในวันนั้น มิฉะนั้นจะถูกกักขังแทนค่าปรับ หรือต้องยื่นคำาร้อง
               ขอปล่อยชั่วคราวเพื่อหาเงินมาชำาระค่าปรับ ทางปฏิบัติเช่นนี้ทำามาเป็นเวลานานจนยอมรับกัน

               ทั้งที่เป็นภาระแก่จำาเลยและทำาให้เกิดความสับสนในระบบการลงโทษว่าโทษใดร้ายแรง
               กว่ากัน หลักการที่ถูกต้องคือการกักขังหรือจำาคุกแทนค่าปรับนั้นจะต้องใช้ในกรณีที่จำาเลย

               มีความสามารถที่จะจ่ายค่าปรับได้แต่ไม่จ่าย พูดง่ายๆ คือ “จงใจเบี้ยว” เท่านั้น คนจน
               ที่ไม่มีความสามารถในการจ่ายนั้นถือเป็นกรณีที่น่าจะเกิดขึ้นน้อย เพราะการกำาหนดโทษปรับ

               ศาลควรคำานึงถึงความสามารถในการชำาระด้วยอยู่แล้ว และในกฎหมายต้องมีมาตรการอื่นๆ
               มาเสริม เช่น ให้อำานาจศาลลดค่าปรับลง ยกโทษปรับ ให้ผ่อนชำาระ หรือขยายเวลาชำาระ

               ค่าปรับให้ยาวนานออกไป ซึ่งในสกอตแลนด์ก็ปรากฏว่ามีกรณีที่ศาลให้เวลาชำาระค่าปรับถึง ๓ ปี








               กันยายน - ธันวาคม ๒๕๖๑                                                     129
   135   136   137   138   139   140   141   142   143   144   145