Page 182 - ดุลพาห เล่ม3.indd
P. 182

ดุลพาห




               เช่น ตามมาตรา ๑๑๙ (๑) แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งเป็นกรณีทุจริตต่อ
                                                   ๓๘
               หน้าที่ ซึ่งหมายถึง การโกง หรือไม่ซื่อสัตย์  แม้จะมิใช่นิยามศัพท์เดียวกับคำาว่า “โดยทุจริต”
               ตามประมวลกฎมายอาญามาตรา ๑ (๑) ก็ตาม แต่ต้องแสดงถึงลักษณะของการมีเจตนาหรือ

               จงใจกระทำาผิดเสมอ  ดังนั้น ถ้าลูกจ้างรับเงินจากลูกค้าจำานวนเพียงเล็กน้อยแล้ว แต่หลงลืม
               ไม่ได้นำาส่งแก่นายจ้างในวันรับเงินทันที แต่หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้นจึงนำาส่ง เช่นนี้จะถือว่าทุจริต

               ไม่ได้เพราะไม่มีเจตนาเบียดบังเอาประโยชน์แก่ตนเอง  จริงอยู่อาจจะผิดระเบียบทางการเงิน
               แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นการทุจริต ฉะนั้นการยอมรับว่าไม่ได้นำาเงินส่งบริษัทในวันรับเงินไม่ได้

               หมายความว่า รับสารภาพว่ากระทำาความผิดและแม้จะฟังว่าเลินเล่อในการนำาส่งเงิน ก็ไม่เป็น
               เหตุให้กลับกลายเป็นความผิดฐานทุจริตขึ้นมาได้


                        (๔) ถ้าพนักงานผู้ถูกกล่าวหาปฏิเสธ ก็ควรจดแจ้งถ้อยคำาของพนักงานไว้ด้วยว่า
               มีใครเป็นพยานอ้างอิงข้อปฏิเสธนั้นได้บ้าง พยานเอกสาร พยานวัตถุมีอะไรบ้าง ให้บันทึก

               เอาไว้เพื่อเป็นรายละเอียดในบัญชีระบุพยานของพนักงานผู้ถูกกล่าวหา แม้ว่าจะมีการดำาเนิน

               กระบวนการสอบสวนโดยชอบด้วยกฎระเบียบข้อบังคับแล้วก็ตาม แต่ถ้าหากปรากฏว่าการ
                                                                                    ๓๙
               เลิกจ้างไม่มีเหตุผลอันสมควร การเลิกจ้างก็อาจเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมได้

                        (๕) ในบางกรณีพนักงานทุจริต เช่น ยักยอกทรัพย์สินของบริษัทแล้วหลบหายไป
               เพราะกลัวการถูกจับได้นำามาลงโทษทางอาญา พฤติกรรมจึงมีลักษณะละทิ้งหน้าที่ไปในขณะ

               เดียวกันด้วย ดังนั้นในการทำาคำาสั่งเลิกจ้าง ต้องระบุทั้งสาเหตุเบียดบังยักยอกทรัพย์สินของ
               นายจ้างและละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควร (พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา

               ๑๑๙ (๑) และ (๕) ตามลำาดับ) และการทำาคำาสั่งเลิกจ้างดังกล่าวต้องทำาเป็นหนังสืออีกด้วย

                        (๖) หากนายจ้างระบุเหตุแห่งการเลิกจ้างไว้อย่างไรในหนังสือเลิกจ้าง จะยกเหตุอื่น

               นอกจากหนังสือเลิกจ้างเป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลไม่ได้ (ฎีกาที่ ๒๖๓๘/๒๕๓๕) แต่หากไม่ได้ระบุ
               สาเหตุใดไว้โดยชัดเจนในหนังสือเลิกจ้าง นายจ้างย่อมนำาสืบถึงเหตุแห่งการเลิกจ้างอันแท้จริง






               ๓๘. คำาพิพากษาศาลฎีกา ๖๗๙๕/๒๕๔๓ และ ๕๖๐๕/๒๕๔๒.
               ๓๙. ฎีกาที่ ๓๔๑๕-๓๔๑๗/๒๕๓๘ ความว่า “แม้นายจ้างได้สอบสวนข้อเท็จจริงและได้ตั้งกรรมการสอบสวนทาง
                 วินัย ตามข้อบังคับของนายจ้างแล้วก็ตาม แต่ถ้าศาลแรงงานเห็นว่า การที่นายจ้างมีคำาสั่งเลิกจ้าง เป็น
                 การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม  นายจ้างก็ไม่อาจนำาเอาเหตุที่นายจ้างได้สอบสวนและตั้งกรรมการสอบสวนทาง
                 วินัยมาอ้างว่าการเลิกจ้างนั้นเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมได้”.



               กันยายน - ธันวาคม ๒๕๖๑                                                     171
   177   178   179   180   181   182   183   184   185   186   187