Page 183 - ดุลพาห เล่ม3.indd
P. 183

ดุลพาห




            ได้ (ฎีกาที่ ๒๒๖๐/๒๕๓๗) อย่างไรก็ตามในขณะที่เลิกจ้างต้องแจ้งเหตุให้ลูกจ้างทราบด้วย
            มิฉะนั้นจะยกเหตุนั้นขึ้นอ้างในภายหลังไม่ได้ ๔๐


                     ๓. การรับฟังข้อเท็จจริง


                     ๓.๑ พยานหลักฐานต้องเพียงพอและน่าเชื่อถือ
                     การกล่าวว่าพนักงานกระทำาความผิดใด ๆ ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การพิสูจน์ว่าเขากระทำา

            ผิดนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก การรับฟังข้อเท็จจริงซึ่งได้แก่การรับฟังพยานบุคคล เอกสาร ๔๑
            วัตถุ จะต้องใช้วิจารณญาณมาก ต้องรู้จักหยั่งและเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆ ได้ดี ความเชื่อม

            โยงต้องเป็นเหตุเป็นผลแก่กันมีความน่าจะเป็นไปได้ ซึ่งต้องพิจารณาได้ว่าสอดคล้องสัมพันธ์
            กันหมด ทั้งสภาพของสถานประกอบการ ลักษณะงาน บุคคล เวลาและสถานที่ (คือการคำานึง

            ถึงกาลเทศะนั่นเอง) ตัวอย่างเช่น แม้สถานประกอบการต่างๆ จะมีข้อบังคับการทำางานระบุ

            ว่าการตอกบัตรลงเวลาแทนกันเป็นความผิดร้ายแรงต้องเลิกจ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่า
            ทุกเหตุการณ์ หรือทุกพฤติกรรมอันมีลักษณะเดียวกันจะเป็นความผิดร้ายแรงและจะต้องถูก
            เลิกจ้างเสมอไป ดังคำาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๔๕๐/๒๕๓๔ ความว่า “ลูกจ้างมาทำางานตาม

            ปกติและได้ออกจากที่ทำางาน เมื่อเลิกงานลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ได้ตอกบัตร

            ลงเวลาเอง แต่ให้ลูกจ้างอีกคนหนึ่งซึ่งนั่งซ้อนท้ายไปตอกบัตรเวลาแทนเพื่อความสะดวกอัน
            เป็นการกระทำาที่มักง่าย แต่มิได้กระทำาโดยทุจริตเพื่อโกงค่าแรงงานของนายจ้าง จึงฝ่าฝืน

            ระเบียบเกี่ยวกับการทำางานไม่ร้ายแรงเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยไม่ได้” อีกฎีกาหนึ่ง ตอก
            บัตรแทนกันเช่นกัน แต่เมื่อพิจารณาจากลักษณะของสถานประกอบการ เวลาและสถานที่

            แล้ว ถือได้ว่า มีเจตนาให้นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างมากกว่าความเป็นจริงจึงเป็นกรณีทุจริตหรือ
            ผิดร้ายแรง คือ คำาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๖๔๘/๒๕๒๕ ความว่า “การตอกบัตรลงเวลาแทน


            ๔๐. มาตรา ๑๑๙ วรรคท้าย.
            ๔๑. ในคดีเรื่องหนึ่งจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน ลูกจ้างฟ้องว่า นายจ้างเลิกจ้างโดยไม่มีความผิดและ
              เป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม เรียกค่าเสียหายมาประมาณ ๓๐ ล้านบาท ผู้เขียนอยู่ฝ่ายนายจ้าง
              เมื่อสอบข้อเท็จจริงซึ่งเป็นพยานเอกสารของทางราชการทั้งหมด จึงรู้ว่าลูกจ้างเปิดบริษัทค้าแข่ง ใน
              ธุรกิจเดียวกันกับนายจ้าง  มีทั้งหนังสือรับรอง บัญชีผู้ถือหุ้น และหนังสือเสนอประมูลในการแข่งขัน
              เสนอราคาคราวเดียวกันมายัน  จึงชัดเจนมากและเมื่อนำาไปเสนอในชั้นศาล  แม้ยังไม่ได้ยื่นคำาให้การ
              เพราะเป็นชั้นไกล่เกลี่ย ศาลถึงกับกล่าวเป็นนัยบอกถึงทิศทางของคดีแก่ลูกจ้างผู้เป็นโจทก์ว่า “คดีของ
              โจทก์ไปได้หรือไม่  ขอให้คิดเอาเอง” ผลที่สุดลูกจ้างก็ขอถอนฟ้องไปเองและฝ่ายนายจ้างก็ไม่ขัดข้อง
              ศาลจึงอนุญาตให้ถอนฟ้องไป และนายจ้างก็ไม่ติดใจฟ้องละเมิดต่อลูกจ้างกรณีค้าแข่ง หรือประพฤติตน
              เป็นปฏิปักษ์ต่อกิจการของนายจ้าง ซึ่งเป็นการผิดสภาพการจ้างอย่างร้ายแรง.



            172                                                              เล่มที่ ๓ ปีที่ ๖๕
   178   179   180   181   182   183   184   185   186   187   188