Page 59 - Thesis PhD Anger by Chaichana
P. 59
๔๑
(๓) อสงฺขาริกํ เป็นอาการที่ปฏิฆจิตมีกำลังกล้าแข็ง เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งชักชวน
ส่วน สสงฺขาริกํ นั้น เป็นปฏิฆจิตที่เกิดขึ้นโดยมีสิ่งชักชวนยั่วยุให้เกิดขึ้นจึงเป็นจิตที่มีกำลังอ่อน
โทมนัสและปฎิฆะนี้ อาศัยการที่ได้ประสบอนิฎฐารมณ์และอาฆาตวัตถุ ๑๐ อย่าง
เป็นเหตุใกล้ชิด
เป็นที่น่าสังเกตว่า ในโทสมูลจิตนี้ เป็นจิตที่มีแต่ปฎิฆสัมปยุตคือประกอบด้วยความโกรธ
แต่ไม่มีความเห็นผิดประกอบคือทิฏฐิตตสัมปยุต ที่เป็นเช่นนี้เพราะ ทิฎฐิความเห็นผิดนั้นย่อมรับสภาพ
อารมณ์ที่น่ายินดีพอใจ แต่โทสจิตนั้นมีแต่สภาพอารมณ์ที่ไม่พอใจ ความยินดีพอใจจะเกิดพร้อมกับ
ความไม่พอใจในขณะเดียวกันไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ โทสจิตจึงไม่มีทิฎฐิคือความเห็นผิด
๒.๒.๔ สาเหตุและปัจจัยที่ท าให้เกิดความโกรธ
การเข้าใจสาเหตุและปัจจัย เป็นหนึ่งในหลักการในอริยสัจ ๔ คือ สมุทัย การละสาเหตุ
และปัจจัยที่ก่อให้เกิดความโกรธย่อมช่วยให้สามารถหาวิธีการจัดการความโกรธได้อย่างเหมาะสม มี
รายละเอียดดังนี้
๑) สาเหตุที่ท าให้เกิดความโกรธ
สาเหตุการเกิดความโกรธตามหลักพระพุทธศาสนาเถรวาท คือ สภาวะที่เป็นสมุฏฐานให้
เกิดความโกรธจากภายในจิตของบุคคล คือ อวิชชา (ความไม่รู้) อกุศลมูล ๓ (มูลเหตุให้เกิดความโกรธ)
และ ทุจริต โดยมีรายละเอียดดังนี้
(๑) อวิชชา หมายถึง ความไม่รู้ ความหลงงมงาย ไม่รู้แจ้ง หมายถึง ไม่รู้แจ้งใน
๕๑
อริยสัจ ๔ และประจวบกับการเกิดอารมณ์เข้ามากระทบจิต คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และ
ธรรมมารมณ์ ที่ผ่านมาทางประสาทตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ก็รู้อารมณ์นั้นตามสมมุติบัญญัติ เมื่อ
เป็นเช่นนี้ก็สำคัญผิด เข้าใจผิด การกระทำที่ผิด และการดำเนินชีวิตย่อมผิดไปจากสภาพความเป็นจริง
ทั้งนี้กิเลสที่ออกไปประสบอารมณ์แล้วรับรู้ผิดไปจากสภาพความจริงทำให้เกิดความหลงงมงาย
เรียกว่า โมหะ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของอกุศลกรรม ๓ ต่อไป
(๒) อกุศลมูล ๓ หมายถึง รากเหง้าของอกุศลที่ปรากฏทางกาย ทางวาจา และทางใจ
อกุศลมูล ๓ ประกอบด้วย ราคะ โทสะ และ โมหะ เป็นมูลเหตุของความโกรธทั้งหลาย ในทุกนิบาต
๕๑ ที.ปา. (ไทย) ๑๑/๓๐๔/๒๕๒.

