Page 100 - Untitled
P. 100

༛
                             ีไ
                      82༛༛༛บทท༛3༛พีชคณิตบูลลีน༛                   ༛                       วงจรดิจิตอล฽ละลอจิก༛




                                              ຏ
                      ตัวอย຋างทีไ༛3.12༛༛จง฼ขียนฟຑงกชัน༛F=(A+B+C) (A+B+C) (A+B+C) (A+B+C)༛฿หຌอยู຋฿นรูป฽บบ
                      ของผลคูณ༛Maxterm༛ ༛         ༛
                      วิธีท้า༛ F=(A+B+C)  (A+B+C)  (A+B+C)  (A+B+C)༛=༛༛(0+0+0)(0+0+1)(0+1+0)(1+0+0)༛༛

                                                                       ༛༛༛=༛༛M0M1M2M4༛༛༛༛༛༛༛༛༛༛༛༛༛༛༛༛༛༛
                                                  ฼พราะฉะนัๅนจะเด༛F(A,B,C)༛༛=༛M(0,1,2,4)༛༛༛
                                                                ຌ
                      ༛

                      ตัวอย຋างทีไ༛3.13༛จง฼ขียนฟຑงกชัน༛F(A,B,C)༛=༛M(0,1,4,7)༛฿หຌอยู຋฿นรูป฽บบมาตรฐานของสมการบูลลีน༛
                                              ຏ
                      วิธีท้า༛ ༛༛F(A,B,C)༛༛  =༛༛M(0,1,4,7)༛
                      ༛      ༛      ༛      =༛༛(0+0+0)(0+0+1)(1+0+0)(1+1+1)༛
                      ༛      ༛      ༛      =༛༛(A+B+C)  (A+B+C)  (A+B+C)  (A+B+C)༛        ༛༛༛༛༛༛༛༛

                                           ຌ
                             ฼พราะฉะนัๅนจะเด༛F(A,B,C)༛=༛(A+B+C) (A+B+C) (A+B+C)  (A+B+C)༛༛༛༛༛
                             ༛
                      ตัวอย຋างท༛3.14༛༛จง฼ขียนสมการบูลลีน༛F༛=༛A+BC༛฿หຌอยู຋฿นรูป฽บบของผลคูณ༛Maxterm༛༛  ༛
                              ีไ
                      วิธีท้า༛༛༛จากสมการบูลลีนทีไก้าหนด฿หຌมีตัว฽ปร༛คือ༛A༛B༛฽ละ༛C༛จ้านวน฼ทอมจะตຌองประกอบดຌวยจ้านวน༛༛

                                                        ຌ
                         ั
                                                ั
                      3༛ตว฽ปรทีไ฼ขียน฿นรูปผลบวก༛ดงนัๅนจะตองท้าการกระจาย฿หຌอยู຋฿นรูปของผลคูณของผลบวก฾ดย฿ชຌกฎ༛
                      การกระจายตัว฽ละ฿ชຌกฎการคอมพลี฼มนตຏ฼พืไอ฼พิไมจ้านวนตัว฽ปร฿หຌครบ༛༛
                      ༛      ༛      ༛༛༛༛F༛༛ =༛A+BC༛
                      ༛      ༛      ༛      =༛(A+B)(A+C)༛

                      ༛      ༛      ༛      =༛(A+B+C)  (A+B+C)   (A+B+C)  (A+B+C) ༛
                      ༛      ༛      ༛      =༛(0+0+0)(0+0+1)(0+0+0)(0+1+0)༛ ༛

                      ༛      ༛      ༛      =༛M0M1M2༛ ༛        ༛
                             ฼พราะฉะนัๅนจะเด༛F(A,B,C)༛=༛M(0,1,2)༛༛༛༛
                                           ຌ
                             ༛
                      3.8༛การออก฽บบวงจรลอจิกจากนิพจนຏบูลลีน༛(Logic༛Implement༛of༛Boolean༛Expression)༛ ༛
                                                       ิ
                      ༛   ฿นการออก฽บบวงจรลอจิกจากนพจนຏบูลลีน༛(Boolean༛Expression)༛หรือจากฟงกຏชันสวิตชຏ༛
                                                                                                ຑ
                      (Switching༛Function)༛หรือตารางความจริง༛(Truth༛Table)༛นัๅนจะตຌองท้าการลดรูปของฟຑงกຏชันทางดຌาน
                            ุ
                                                                                          ืไ
                                                       ຋
                                            ຌ
                      ฼อาตຏพต฿หຌ฼หลือจ้านวนนอยทีไสุด฼สียกอน༛฾ดย฿ชຌทฤษฎีของบูลลีนหรือวิธีการอนโ༛ซึไงจะกล຋าวถึง༛
                      ฿นบทต຋อเป༛ทัๅงนีๅก฼พอ฿หຌวงจรลอจิกทีไตຌองการออก฽บบนัๅนมีจ้านวนลอจิก฼กตนอยทีไสุดหรือมีการลงทุน༛
                                                                                       ຌ
                                       ืไ
                                     ใ
                      ฿นการสรຌางวงจรตไ้า฽ละยัง฼ปຓนการลด฼วลาหน຋วง༛(Delay༛Time)༛ของวงจรอีกดຌวย༛
                      ༛
                      ༛
                      ༛
   95   96   97   98   99   100   101   102   103   104   105