Page 128 - สารานุกรมพืช ในประเทศไทย (ฉบับย่อ) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ E-BOOK โดย พระครูโสภณวีรานุวัตร, ดร. วัดป่า สุพรรณบุรี.
P. 128
ไคร้หางนาค
ไคร้หางนาค สารานุกรมพืชในประเทศไทย เอกสารอ้างอิง
Craven, L.A. (2005), Malesian and Australian Tournefortia transferred to
Breynia heteroblasta (Airy Shaw) Welzen & Pruesapan Heliotropium and notes on delimitation of Boraginaceae. Blumea 50(2): 379.
วงศ์ Phyllanthaceae Johnston, I.M. (1935). Studies in the Boraginaceae XI. Journal Arnold Arboretum
16: 164-168.
ชื่อพ้อง Sauropus heteroblastus Airy Shaw Zhu, G., H. Riedl and R.V. Kamelin. (1995). Boraginaceae (Tournefortia argentea).
ไม้พุ่ม สูงได้ถึง 2 ม. แตกกิ่งสั้น ๆ มีริ้วคล้ายปีก ใบรูปไข่กลับ ยาว 0.5-3 ซม. In Flora of China Vol. 16: 341-342.
ปลายกลม เว้าตื้น ดอกออกเดี่ยว ๆ หรือเป็นกระจุกตามซอกใบ ดอกเพศผู้อยู่ติด
ดอกเพศเมีย ดอกเพศผู้สีน�้าตาลแดง เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 มม. ก้านดอก
ยาวประมาณ 5 มม. กลีบเลี้ยงรูปไข่ ปลายเว้าตื้น เส้าเกสรสั้น ดอกเพศเมียสีเขียว
มักมีปื้นแดงตามขอบ เส้นผ่านศูนย์กลาง 3-6 มม. ก้านดอกยาวประมาณ 1.5 มม.
กลีบเลี้ยงแยกเกือบจรดโคน ปลายกลีบแหลมสั้น ๆ ขยายในผล รูปไข่กว้าง ยาว
ประมาณ 2.5 มม. รังไข่รูประฆังกว้าง ยอดเกสรแยกเป็น 3 แฉก ตามแนวระนาบ
ม้วนงอเล็กน้อย ติดทน ผลแห้งแตก รูปรี ยาวประมาณ 1 ซม. (ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่
ครามน�้า, สกุล)
พบในภูมิภาคอินโดจีน ในไทยพบทางภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เป็นพืชทนน�้า ขึ้นตามที่ราบลุ่มที่น�้าท่วมถึง ความสูง 100-200 เมตร
เอกสารอ้างอิง
van Welzen, P.C. (2007). Euphorbiaceae. In Flora of Thailand Vol. 8(2): 537.
งวงช้างทะเล: ใบเรียงเวียนชิดกันที่ปลายกิ่ง ช่อดอกคล้ายช่อเชิงหลั่น ปลายม้วน (ภาพ: เกาะลันตา กระบี่ - TP)
หญ้างวงช้างน้อย: โคนสอบเรียวจรดก้านใบเป็นครีบคล้ายปีก ช่อดอกปลายม้วน (ภาพ: พระนครศรีอยุธยา - NS)
งวงชุ่ม
Combretum pilosum Roxb. ex G. Don
วงศ์ Combretaceae
ไคร้หางนาค: ไม้พุ่มแตกกิ่งสั้นจ�านวนมาก ปลายใบเว้าตื้น ดอกเพศผู้สีน�้าตาลแดง ดอกเพศเมียสีเขียว กลีบเลี้ยง ชื่อพ้อง Combretum insigne Van Heurck & Müll. Arg.
แยกเกือบจรดโคน ปลายกลีบแหลมสั้น ๆ ขยายในผล (ภาพ: ทุ่งกุลาร้องไห้ ยโสธร - PK) ไม้เถาเนื้อแข็ง มีขนหรือขนต่อมสีน�้าตาลแดงตามกิ่ง เส้นแขนงใบด้านล่าง ก้านใบ
งวงช้างทะเล ช่อดอก ใบประดับ กลีบเลี้ยง รังไข่ และผลอ่อน ใบรูปรี รูปขอบขนาน หรือรูปไข่
Heliotropium foertherianum Diane & Hilger ยาว 8-15.5 ซม. โคนเบี้ยวเล็กน้อย ก้านใบยาว 2-5 มม. ช่อดอกแบบช่อกระจะ
หรือแยกแขนงสั้น ๆ ยาว 3-12.5 ซม. ออกชิดกันช่วงปลายกิ่ง ใบประดับรูปใบหอก
วงศ์ Heliotropiaceae แกมรูปไข่ ยาว 3.5-6.5 มม. ติดทน ดอกเรียงหนาแน่น หลอดกลีบเลี้ยงรูปกรวยแคบ
ชื่อพ้อง Tournefortia argentea L. f., Messerschmidia argentea (L. f.) Johnston, ยาว 7-8 มม. ปลายแยกเป็น 5 แฉก รูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก ดอกสีขาวหรืออมม่วง
Argusia argentea (L. f.) Heine มี 5 กลีบ รูปไข่แคบ ยาว 3.5-5.5 มม. ปลายกลีบมน เกสรเพศผู้ยาว 1-1.5 ซม.
ไม้พุ่มหรือไม้ต้น สูงได้ถึง 10 ม. ล�าต้นหนา มีขนสั้นนุ่มตามแผ่นใบทั้งสองด้าน ก้านเกสรเพศเมียยาว 1-1.5 ซม. ผลแห้งรูปรีเกือบกลม ยาว 2.2-2.8 ซม. มี 5 ปีก
ช่อดอก และกลีบเลี้ยง ใบเรียงเวียนชิดกันที่ปลายกิ่ง รูปไข่หรือรูปใบหอกกลับ กว้าง 7.5-9.5 มม. (ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ สะแกนา, สกุล)
ยาว 8-20 ซม. ปลายเป็นติ่งหรือมน โคนสอบเรียวจรดก้านใบเป็นครีบคล้ายปีก พบที่อินเดีย พม่า จีน และภูมิภาคอินโดจีน ในไทยพบแทบทุกภาค ยกเว้น
ยาวได้ถึง 2.5 ซม. ช่อดอกคล้ายช่อเชิงหลั่นออกที่ปลายกิ่ง ช่อตอนปลายม้วน ภาคใต้ ขึ้นตามป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ และป่าดิบแล้ง ความสูง 100-800 เมตร
ดอกไร้ก้าน กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปสามเหลี่ยม ยาว 1.5-2 มม. ดอกสีขาว หลอดกลีบดอก ใบใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ ราก ใช้ต้มแก้ไข้บิด
ยาว 2.5-3 ซม. มี 5 กลีบ รูปไข่ ยาวประมาณ 2 มม. เกสรเพศผู้ 5 อัน ติดที่ปาก
หลอดกลีบดอก ก้านชูอับเรณูสั้น รังไข่เกลี้ยง ก้านเกสรเพศเมียไม่ชัดเจน ยอดเกสร เอกสารอ้างอิง
แยก 2 แฉก ฐานเป็นวงแหวน ผลสด เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 มม. แตกเป็น Nanakorn, W. (1986). The genus Combretum (Combretaceae) in Thailand. Thai
Forest Bulletin (Botany) 16: 161-163.
2 ส่วน ปลายทั้ง 2 ด้าน มีเปลือกหุ้มเป็นคอร์ก แต่ละซีกมี 2 ไพรีน กว้างประมาณ
1 มม. ยาวประมาณ 2 มม.
พบตามหมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก อินเดีย ศรีลังกา
ไห่หนาน ไต้หวัน เวียดนาม ภูมิภาคมาเลเซีย และออสเตรเลียตอนบน ในไทยพบ
ตามเกาะฝั่งทะเลอันดามันที่พังงา กระบี่ ตามหาดทรายที่ไม่ถูกรบกวน
สกุล Heliotropium L. เคยอยู่ภายใต้วงศ์ Boraginaceae ซึ่งมีลักษณะทาง
สัณฐานคล้าย ๆ กัน มีประมาณ 390 ชนิด พบในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ในไทย
อาจมี 4-5 ชนิด รวมถึง หญ้างวงช้างน้อย H. indicum L. ที่ขึ้นเป็นวัชพืช ชื่อ
สกุลมาจากภาษากรีก “helios” ดวงอาทิตย์ และ “trope” หันเข้าหา หมายถึงพืช
ที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์ งวงชุ่ม: มีขนหรือขนต่อมสีน�้าตาลแดงกระจาย ช่อดอกแบบช่อกระจะหรือแยกแขนงสั้น ๆ ดอกเรียงหนาแน่น
ดอกสีขาวหรืออมม่วง เกสรเพศผู้ 10 อัน ยื่นพ้นหลอดกลีบดอก (ภาพ: ภูวัว บึงกาฬ - NS)
108
59-02-089_001-112 Ency_new1-3_J-Coated.indd 108 3/1/16 5:17 PM