Page 145 - สารานุกรมพืช ในประเทศไทย (ฉบับย่อ) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ E-BOOK โดย พระครูโสภณวีรานุวัตร, ดร. วัดป่า สุพรรณบุรี.
P. 145

ชบำ
                                                                                   สารานุกรมพืชในประเทศไทย

                                                                           พบที่อินเดีย จีนตอนใต้ พม่า เวียดนามตอนบน ในไทยพบที่ดอยภูคา จังหวัดน่าน
                                                                        ขึ้นตามริมล�าธารในป่าดิบเขา ความสูงประมาณ 1200 เมตร
                                                                          เอกสารอ้างอิง
                                                                           Larsen, S.S. (1999). Bauhinia wallichii J.F. Macbr. (Leguminosae-Caesalpinioideae),
                                                                              a species new to Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) 27: 25-29.

                      ชงโคดอกเหลือง: ดอกห้อยลงรูประฆัง กลีบดอกมี 1 กลีบมีปื้นสีม่วงเข้มที่โคนกลีบด้านใน (ภาพ: cultivated - RP)











                                                                          ชงโคภูคา: ช่อดอกแบบช่อกระจะแยกแขนงสั้น ๆ ฐานดอกเบี้ยว มีริ้ว กลีบดอกมีขนสีน�้าตาลคล้ายเส้นไหม เกสรเพศผู้
                                                                        3 อัน รังไข่มีขนหนาแน่น มีก้านสั้น ๆ (ภาพ: ดอยภูคา น่าน - RP)
                                                                        ชบา, สกุล
                                                                        Hibiscus L.
                                                                        วงศ์ Malvaceae
                      ชงโคด�า: กลีบดอกมีปื้นสีเหลืองตรงกลาง เกสรเพศผู้ 3 อัน เกสรเพศผู้ที่เป็นหมัน 2 อัน (ภาพ: ตะรุเตา สตูล - PK)
                                                                           ไม้ล้มลุก ไม้พุ่ม หรือไม้ต้น พบน้อยที่เป็นไม้เถา มีหูใบ ใบเรียงเวียน ช่อดอกแบบ
                                                                        ช่อกระจะหรือแยกแขนง บางครั้งมีดอกเดียว ดอกสมบูรณ์เพศ ก้านดอกส่วนมาก
                                                                        เป็นข้อ ริ้วประดับมี 5 อัน หรือหลายอัน ติดทน กลีบเลี้ยงรูประฆัง มี 5 กลีบ
                                                                        ติดทน กลีบดอกมี 5 กลีบ บางครั้งดอกซ้อน ติดที่โคนเส้าเกสรเพศผู้ที่ส่วนมาก
                                                                        สั้นกว่ากลีบดอก อับเรณูกระจายตลอดความยาวเส้าเกสรหรือเฉพาะช่วงบน
                                                                        รังไข่ 5 ช่อง ก้านเกสรเพศเมียแยกเป็น 5 แฉก ยอดเกสรเป็นตุ่ม ผลแห้งส่วน
                                                                        มากแตกเป็น 5 ซีก หรือคล้ายมี 10 ซีก เมล็ดรูปไต มีขนหรือตุ่ม
                      ชงโคไฟ: B. pottsii var. velutina ดอกสีส้มอมเหลือง ก้านกลีบยาวกว่าแผ่นกลีบ (ภาพซ้าย: ทุ่งตะโก ระนอง - RP)   สกุล Hibiscus อยู่ภายใต้วงศ์ย่อย Malvoideae มีมากกว่า 200 ชนิด พบในเขตร้อน
                    ชงโคขาว: B. pottsii var. subsessilis ดอกสีขาว ก้านกลีบดอกสั้น (ภาพขวา: ชุมพร - RP)
                                                                           และกึ่งเขตร้อน ในไทยมีประมาณ 15 ชนิด และมีที่นำาเข้ามาเป็นไม้ประดับอีก
                                                                           หลายชนิด ชื่อสกุลเป็นภาษาละติน ที่ใช้เรียกพืชชนิด Althaea officinalis L.
                                                                           ในยุโรป หมายถึงพืชสกุลชบามีลักษณะกิ่งเหนียวใช้ทำาเชือกได้เช่นเดียวกัน

                                                                        ชบา
                                                                        Hibiscus rosa-sinensis L.
                                                                           ไม้พุ่ม สูง 1-3 ม. มีขนรูปดาวกระจายตามกิ่ง เส้นแขนงใบด้านล่าง ก้านดอก
                                                                        ริ้วประดับ กลีบเลี้ยง และหูใบ หูใบรูปเส้นด้าย ยาว 0.5-1.2 ซม. ใบรูปไข่ ยาว
                                                                        4-9 ซม. ขอบจักซี่ฟันหรือจักเป็นพู เส้นโคนใบข้างละ 1 เส้น ก้านใบยาว 0.5-2 ซม.
                                                                        ดอกออกเดี่ยว ๆ ตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ก้านดอกยาว 3-7 ซม. ปลายก้านมีข้อ
                                                                        ริ้วประดับ 6-7 อัน รูปเส้นด้าย เชื่อมติดกันที่โคน ยาว 0.8-1.5 ซม. กลีบเลี้ยง
                                                                        รูปไข่หรือแกมรูปใบหอก ยาวประมาณ 2 ซม. ติดทน ดอกรูปแตร สีแดงหรือส้ม
                                                                        อมเหลือง ดอกบานเส้นผ่านศูนย์กลาง 6-10 ซม. แผ่นกลีบรูปไข่กลับ มีขนยาว
                      ชงโคแดง: ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกตรงข้ามใบ ดอกสีแดง กลีบเลี้ยงแยกเป็น 2 ส่วน (ภาพ: cultivated - RP)  ด้านนอก เส้าเกสรยาว 4-8 ซม. เกลี้ยง อับเรณูกระจายเฉพาะช่วงบน ผลรูปไข่ ยาว
                                                                        ประมาณ 2.5 ซม. ปลายเป็นจะงอย
                    ชงโคภูคา                                               มีถิ่นก�าเนิดในประเทศจีน เป็นดอกไม้ประจ�าชาติมาเลเซีย มีการปรับปรุงพันธุ์
                    Phanera wallichii (J. F. Macbr.) Thoth.             และผสมข้ามพันธุ์ท�าให้มีหลากสี หรือใบด่าง ต้นที่ดอกซ้อนถูกจ�าแนกเป็น var.
                    วงศ์ Fabaceae                                       rubroplenus Sweet มีสรรพคุณด้านสมุนไพรหลายอย่าง
                      ชื่อพ้อง Bauhinia wallichii J. F. Macbr.
                                                                          เอกสารอ้างอิง
                       ไม้เถาเนื้อแข็ง หูใบรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 5 มม. ใบด้านกว้างยาวกว่า  Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Malvaceae. In Flora of China Vol.
                    ด้านยาว ยาว 6-14 ซม. ปลายเรียบหรือแฉกตื้น ๆ ปลายแฉกแหลม โคนรูปหัวใจ   12: 289.
                    เส้นโคนใบข้างละ 4-5 เส้น ก้านใบยาว 3-6 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจะ ยาวได้
                    ถึง 20 ซม. แยกแขนงสั้น ๆ ใบประดับรูปใบหอก ยาวประมาณ 3 มม. มีขนด้านนอก
                    ก้านดอกยาว 1-1.5 ซม. ใบประดับย่อยติดเหนือกึ่งกลางก้านดอก ตาดอกรูปไข่
                    ยาวประมาณ 1 ซม. ฐานดอกเบี้ยว มีริ้ว ยาว 5-7 มม. กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ปลายกลีบมน
                    ยาวประมาณ 4 มม. กลีบดอกรูปไข่หรือเกือบกลม ยาว 5-8 มม. มีขนสีน�้าตาลคล้าย
                    เส้นไหมหนาแน่น เกสรเพศผู้ 3 อัน ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 2 ซม. เกสรเพศผู้
                    ที่เป็นหมันมี 5-7 อัน ยาว 3-4 มม. รังไข่มีขนสีน�้าตาลหนาแน่น มีก้านสั้น ๆ
                    ก้านเกสรเพศเมียยาว 0.5-1 ซม. (ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ แสลงพัน, สกุล)  ชบา: ขอบใบจักซี่ฟัน อับเรณูกระจายเฉพาะช่วงบน มีทั้งต้นใบด่าง และกลีบดอกซ้อน (ภาพ: cultivated - RP)

                                                                                                                    125






        59-02-089_113-212_Ency new1-3_J-Coated.indd   125                                                                 3/1/16   5:25 PM
   140   141   142   143   144   145   146   147   148   149   150