Page 244 - สารานุกรมพืช ในประเทศไทย (ฉบับย่อ) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ E-BOOK โดย พระครูโสภณวีรานุวัตร, ดร. วัดป่า สุพรรณบุรี.
P. 244
บัวผุด
สารานุกรมพืชในประเทศไทย
พบที่อินเดีย ศรีลังกา พม่า จีนตอนใต้ ญี่ปุ่น เกาหลี ภูมิภาคอินโดจีนและ เอกสารอ้างอิง
มาเลเซีย ออสเตรเลีย และหมู่เกาะแปซิฟิก ในไทยพบทั่วทุกภาค ขึ้นตามหนองน�้า Bänziger, H. (1991). Stench and fragrance: unique pollination lure of Thailand’s
ที่โล่ง และนาข้าว largest flower, Rafflesia kerrii Meijer. Natural History Bulletin of Siam
Society 39: 19-52.
Meijer, M. (1984). New species of Rafflesia (Rafflesiaceae). Blumea 30: 212-213.
สกุล Nymphoides Ség. บางครั้งอยู่ภายใต้วงศ์ Gentianaceae มีประมาณ 40 ชนิด Meijer, M. and S. Elliott. (1990). Taxonomy, ecology and conservation of
พบทั้งในเขตร้อนและเขตอบอุ่น ในไทยมี 7-8 ชนิด ชื่อสกุลหมายถึงคล้ายกับสกุล Rafflesia kerrii Meijer in Southern Thailand. Natural History Bulletin of Siam
Nymphaea วงศ์ Nymphaeaceae Society 38: 117-133.
เอกสารอ้างอิง
Ho, T.N. and R. Ornduff. (1995). Menyanthaceae. In Flora of China Vol. 10:
140-141.
บัวผุด: พืชล้มลุกเบียนรากไม้เถา Tetrastigma sp. ดอกบานขนาดใหญ่ กลีบรวม มี 5-6 กลีบ (ภาพซ้าย: ระนอง,
ภาพขวา: สุราษฎร์ธานี; - HB)
บัวเผื่อน, สกุล
บัวบา: ไม้น�้า เหง้าลอยน�้า ไหลคล้ายก้านใบ เส้นแขนงใบรูปฝ่ามือเห็นไม่ชัดเจน ดอกออกตามข้อ รูปกงล้อ สีขาว Nymphaea L.
โคนกลีบด้านในมีสีเหลือง กลีบดอก 5-8 กลีบ มีขนยาวเป็นชายครุยหนาแน่น (ภาพ: บุรีรัมย์ - RP)
วงศ์ Nymphaeaceae
บัวผุด ไม้น�้าล้มลุก มีเหง้า ใบออกจากเหง้า เรียงเวียน ลอยเหนือผิวน�้า เส้นแขนงใบ
Rafflesia kerrii Meijer รูปฝ่ามือ ปลายกลม โคนเว้าลึก ขอบเรียบหรือจักซี่ฟัน ก้านใบและก้านดอกกลม ผิวเรียบ
วงศ์ Rafflesiaceae ดอกออกเดี่ยว ๆ ตามซอกใบ ก้านดอกยาว กลีบเลี้ยง 4 กลีบ ติดที่โคนรังไข่ กลีบดอก
8 กลีบหรือจ�านวนมาก ติดบนรังไข่ เกสรเพศผู้จ�านวนมาก สั้นกว่ากลีบเลี้ยง
พืชล้มลุกเบียนราก ไม่มีคลอโรฟิลล์ ดอกและล�าต้นออกมาจากหัวใต้ดิน มี และกลีบดอก ติดบนรังไข่ คาร์เพลจ�านวนมาก เชื่อมติดกันบางส่วนหรือทั้งหมด
เนื้อเยื่อแข็งหนาของรากพืชอาศัยรูปถ้วยรองรับตาดอก ดอกมีเพศเดียว ฐานดอก รังไข่มีหลายช่อง พลาเซนตาทั่วผนัง ออวุลจ�านวนมาก ไร้ก้านเกสรเพศเมียหรือ
กว้าง 8-9 ซม. ใบประดับ 15 อัน เรียง 5 วง วงละ 3 อัน สีแดงเข้มอมน�้าตาล ยาวได้ เปลี่ยนรูปเป็นรยางค์ ยอดเกสรแยกเป็นแฉกบนจานรูปถ้วย ผลคล้ายผลสดมี
ถึง 18 ซม. กว้างประมาณ 14 ซม. มีริ้วเป็นเส้นตามยาว ตาดอกเส้นผ่านศูนย์กลาง หลายเมล็ด แห้งแตกไม่เป็นระเบียบ เมล็ดมีเยื่อหุ้ม
16-25 ซม. ดอกบานเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 50-70 ซม. มีกลิ่นเหม็นเพื่อล่อแมลง
กลีบรวม (perigone lobes) โคนเชื่อมติดกันรูปถ้วย เส้นผ่านศูนย์กลาง 8-14 ซม. สกุล Nymphaea มีประมาณ 50 ชนิด พบในเขตร้อนและเขตอบอุ่น ในไทยมี
มี 5-6 กลีบ เรียงซ้อนเหลื่อม รูปรีกว้าง กว้างได้ถึง 24 ซม. ด้านในเป็นแอ่ง แผ่นกลีบ พืชพื้นเมือง 2 ชนิด อีกชนิดคือบัวสาย หรือจงกลนี N. pubescens Willd. และ
มีตุ่มหูดสีแดงอ่อนกระจายด้านบน กะบังลม (diaphragm) เส้นผ่านศูนย์กลาง พบเป็นไม้ประดับหลายชนิด หลากสายพันธุ์ เช่น สุทธาสิโนบล N. capensis
ประมาณ 30 ซม. แผ่นกะบังกว้างประมาณ 6 ซม. มีวงตุ่มหูดประมาณ 5 วง ช่องเปิด Thunb. var. zanzibariensis Casp. และประภัสโรบล N. mexicana Zucc.
เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 ซม. ด้านล่างมีจุดสีขาวบนก้านชูสีแดงเรียง 7-9 วง เป็นต้น ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก “nymphaia” เทพเจ้าแห่งน้ำาพุหรือพรายน้ำา
กว้างประมาณ 7 มม. มีเกล็ดบางสีน�้าตาล (ramenta) ยาว 0.5-1 ซม. ปลายบวม
หรือเป็นแอ่ง จานฐานดอกเส้นผ่านศูนย์กลาง 17-18 ซม. ขอบมีรอยเชื่อม กว้าง บัวเผื่อน
2.5-3.5 ซม. เส้าเกสรเส้นผ่านศูนย์กลาง 6.5-7 ซม. มีปุ่ม (process) 27-44 อัน Nymphaea nouchali Burm. f.
สีน�้าตาลอมเหลือง ยาวประมาณ 3.5 ซม. จานฐานดอกและเส้าเกสรมีไข ในดอกเพศผู้
โคนมีขนแข็ง ยาว 3-4 มม. อับเรณูติดอยู่ในโพรงใต้ระหว่างวงขอบจานฐานดอก ไม้น�้าล้มลุก เหง้าไม่แตกแขนง ใบรูปกลมแกมรูปไข่ กว้าง 8-18 ซม. ยาว
บนและล่าง ช่องกว้างประมาณ 1 ซม. มีแนวสันลึก มีขนครุยยาวประมาณ 1.5 ซม. 10-25 ซม. ขอบจักมนหรือเรียบ แผ่นใบด้านล่างสีเขียวอ่อนหรือสีม่วงอมสีน�้าตาล
อับเรณู มี 26-31 อัน สีขาว รูปไข่ ยาว 9 มม. ดอกเพศเมียคล้ายดอกเพศผู้ ไม่มี เส้นแขนงใบออกจากโคน 10-15 เส้น ก้านใบยาวได้ถึง 1 ม. ติดแผ่นใบที่โคน ดอกตูม
อับเรณูและโพรงติดอับเรณู รังไข่ติดที่ฐานเส้าเกสร เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ รูปกรวยแหลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 2-3 ซม. ดอกบานเส้นผ่านศูนย์กลาง 8-15 ซม.
หนึ่งในสามของตาดอก ผลสด เมล็ดขนาดเล็กจ�านวนมาก บานช่วงเช้า ก้านดอกคล้ายก้านใบ กลีบเลี้ยงรูปขอบขนาน ยาว 3-8 ซม. ติดทน
กลีบดอกจ�านวนมาก เรียงซ้อนกันหลายวง สีขาว อมชมพู หรือม่วง รูปขอบขนาน
พืชถิ่นเดียวของไทย พบกระจายห่าง ๆ ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ที่กุยบุรี ยาว 3-5 ซม. ปลายแหลม ปลายแกนอับเรณูมีรยางค์ มักมีเกสรเพศผู้คล้ายกลีบดอก
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และภาคใต้ที่ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และอาจพบ ที่เป็นหมัน ผลเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5-4.5 ซม.
ตามชายแดนไทยมาเลเซีย ขึ้นตามป่าดิบชื้นหรือเขาหินปูน ความสูง 200-1600 เมตร
ขึ้นเบียนรากพืชในสกุล Tetrastigma หลายชนิด ดอกตูมกินได้ และมีความเชื่อว่า พบในเอเชียเขตร้อน และออสเตรเลีย ขึ้นตามขอบบึงหรือทุ่งนา แยกเป็น ดอกเล็ก
มีสรรพคุณด้านสมุนไพรหลายอย่าง บ�ารุงก�าลัง สีขาวหรืออมชมพูอ่อน ปลายกลีบสีม่วงอ่อน เรียกว่า บัวเผื่อน ส่วนดอกขนาดใหญ่
สีม่วงคราม เรียกว่า บัวผัน มีชื่อทางการค้าว่า นิโลบล
สกุล Rafflesia R. Br. ex Gray มี 19-22 ชนิด พบในภูมิภาคมาเลเซียและภาคใต้
ของไทย ชนิด R. arnoldii R. Br. เป็นพืชดอกที่มีดอกขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เอกสารอ้างอิง
สุชาดา ศรีเพ็ญ. (2542). พรรณไม้น้ำาในประเทศไทย. อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.
เส้นผ่านศูนย์กลาง 80-100 ซม. พบที่เกาะสุมาตรา ชื่อสกุลตั้งตามนักธรรมชาติ กรุงเทพมหานคร.
วิทยาชาวอังกฤษ Sir Thomas Stamford Bingley Raffles (1781-1826) ผู้ก่อตั้ง Fu, D., J.H. Wiersema and D. Padgett. (2001). Nymphaeaceae. Flora of China
ประเทศสิงคโปร์ Vol. 6: 116.
224
58-02-089_213-292_Ency_new1-3_J-Coated.indd 224 3/1/16 5:46 PM