Page 267 - สารานุกรมพืช ในประเทศไทย (ฉบับย่อ) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ E-BOOK โดย พระครูโสภณวีรานุวัตร, ดร. วัดป่า สุพรรณบุรี.
P. 267

ปอขนุน
                                                                                   สารานุกรมพืชในประเทศไทย











                                                                          สะแล: ใบเรียงสลับระนาบเดียว ช่อดอกเพศเมียแบบช่อกระจุกแน่น ออกเดี่ยว ๆ ตามกิ่งที่ไม่มีใบ ยอดเกสรเพศเมีย
                                                                        รูปเส้นด้าย (ภาพ: cultivated - RP)
                                                                        ปอแก้ว
                                                                        Abelmoschus manihot (L.) Medik. var. pungens (Roxb.) Hochr.
                                                                        วงศ์ Malvaceae
                      ปลาไหลเผือกเล็ก: ไม้พุ่มเตี้ย ใบย่อยรูปแถบ ช่อดอกออกตามซอกใบ มีขนแต่ไม่มีขนต่อม ผลย่อยรูปรีแคบ ก้านผลสั้น   ชื่อพ้อง Hibiscus pungens Roxb.
                    (ภาพ: ภูวัว บึงกาฬ; ภาพซ้ายและภาพขวาบน - SSi; ภาพขวาล่าง - SSa)
                                                                           ไม้ล้มลุก สูง 1-2 ม. ส่วนต่าง ๆ และผล มีขนหยาบยาวหนาแน่น หูใบรูปแถบ
                    ปอกระสา                                             หรือรูปเส้นด้าย ยาว 1-1.5 ซม. บางครั้งมีข้างละ 2 อัน ใบรูปฝ่ามือ มี 5-9 พู
                    Broussonetia papyrifera (L.) L’Hér. ex Vent.        หรือแฉกแบบขนนก เส้นผ่านศูนย์กลาง 15-30 ซม. พูรูปขอบขนานหรือรูปใบหอก
                                                                        โคนรูปหัวใจ ขอบจักฟันเลื่อยห่าง ๆ ก้านใบยาว 6-18 ซม. ดอกมักออกหนาแน่น
                    วงศ์ Moraceae                                       ตามปลายกิ่งคล้ายแบบช่อกระจะ ซึ่งใบลดรูป ก้านดอกยาว 1.5-4 ซม. ริ้วประดับ
                      ชื่อพ้อง Morus papyrifera L., Papyrius papyrifera (L.) Kuntze  5 อัน รูปไข่แกมรูปขอบขนานหรือรูปใบหอก ยาว 1.5-2.5 ซม. กลีบเลี้ยงยาว
                       ไม้ต้น สูง 10-20 ม. หรืออาจสูงได้ถึง 35 ม. น�้ายางสีขาว แยกเพศต่างต้น  2-3 ซม. ด้านนอกมีขนละเอียด ดอกสีเหลืองนวล โคนกลีบด้านในสีม่วงเข้ม ดอกบาน
                    มีขนสั้นนุ่มตามกิ่ง แผ่นใบด้านล่างตามเส้นแขนงใบ ก้านใบ และใบประดับ หูใบรูปไข่   เส้นผ่านศูนย์กลาง 10-12 ซม. กลีบรูปไข่กลับ เส้าเกสรยาว 1.5-2.5 ซม. อับเรณู
                    ยาว 0.5-1.5 ซม. ร่วงเร็ว ใบเรียงเวียน รูปไข่ รูปรี หรือคล้ายรูปหัวใจ ยาว 5-20 ซม.   เกือบไร้ก้าน รังไข่มีขนหนาแน่น ผลรูปไข่ ยาว 4-5 ซม. มี 5 สัน เมล็ดสีน�้าตาลด�า
                    เรียบหรือจัก 3-5 พู ขอบจักฟันเลื่อย แผ่นใบด้านบนมีขนสาก เส้นแขนงใบย่อย  รูปคล้ายไต มีขนเป็นแนวหนาแน่น (ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ กระเจี๊ยบมอญ, สกุล)
                    แบบขั้นบันได ก้านใบยาว 1-15 ซม. ช่อดอกเพศผู้แบบช่อเชิงลด ยาว 3-10 ซม.   พบที่อินเดีย เนปาล จีน และพม่า ในไทยพบทางภาคเหนือ ขึ้นตามที่โล่ง และ
                    ก้านช่อยาว 1-2.5 ซม. กลีบรวมรูปไข่ ยาว 1.5-2 มม. เกสรเพศผู้ยาว 3-3.5 มม.   ชายป่าเบญจพรรณ ความสูง 300-500 เมตร ส่วน var. manihot ล�าต้นไม่มีขน
                    ใบประดับรูปลิ่มแคบ ช่อดอกเพศเมียแบบช่อกระจุกแน่น ออกเดี่ยว ๆ ก้านช่อสั้น
                    เส้นผ่านศูนย์กลาง 1-1.2 ซม. วงกลีบรวมยาวประมาณ 1 มม. ปลายแยกเป็น 4 แฉก  เอกสารอ้างอิง
                    ตื้น ๆ เชื่อมติดก้านเกสรเพศเมีย ยอดเกสรเพศเมีย 2 อัน รูปแถบ ยาว 0.7-1 ซม.   Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Malvaceae. In Flora of China Vol.
                    ลดรูป 1 อัน มีขนสั้นนุ่ม ใบประดับรูปกระบองยาว 1-1.5 มม. ช่อผลเส้นผ่านศูนย์กลาง   12: 284.
                    2-3 ซม. มีขนสั้นนุ่มและขนเครา ผลย่อยฉ�่า ยาว 2-2.5 มม. สุกสีส้มอมแดง
                       พบที่อินเดีย พม่า จีน ญี่ปุ่น และภูมิภาคอินโดจีน ในไทยพบทุกภาค บางครั้ง
                    เป็นวัชพืช เป็นไม้เศรษฐกิจในหลายประเทศ เปลือกให้เส้นใยใช้ท�าเชือก กระดาษ
                    และทอผ้า ส่วนต่าง ๆ มีสรรพคุณด้านสมุนไพรหลายอย่าง
                       สกุล Broussonetia L’Hér. ex Vent. มี 8 ชนิด พบในเอเชียเขตร้อน มีชนิด
                       เดียวในมาดากัสการ์ ในไทยมี 2 ชนิด อีกชนิดคือ สะแล B. kurzii (Hook. f.)
                       Corner เป็นไม้พุ่มรอเลื้อยหรือไม้เถาเนื้อแข็ง ใบเรียงสลับระนาบเดียว แผ่นใบ
                       ไม่สาก ยอดเกสรเพศเมียรูปเส้นด้าย ช่อดอกใช้ปรุงเป็นอาหาร ชื่อสกุลตั้งตาม
                       นายแพทย์และนักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส Pierre Marie Auguste Broussonet
                       (1761-1807)
                      เอกสารอ้างอิง
                       Berg, C.C., N. Pattharahirantricin and B. Chantarasuwan. (2011). Moraceae.    ปอแก้ว: มีขนหยาบยาวกระจายหนาแน่น ดอกออกตามปลายกิ่งหนาแน่นคล้ายช่อกระจะ ริ้วประดับ 5 อัน
                          In Flora of Thailand Vol. 10(4): 495-499.     ดอกสีเหลืองนวล โคนกลีบด้านในสีม่วงเข้ม ผลมี 5 สัน (ภาพ: ท่าสองยาง ตาก - RP)
                       Wu, Z., Z.K. Zhou and M.G. Gilbert. (2003). Moraceae. In Flora of China Vol.
                          5: 26.                                        ปอขนุน, สกุล
                                                                        Sterculia L.
                                                                        วงศ์ Malvaceae
                                                                           ไม้พุ่มหรือไม้ต้น มีขนกระจุกกระจาย หูใบร่วงเร็ว ใบเดี่ยว เรียบหรือแฉกเป็นพู
                                                                        หรือใบประกอบรูปฝ่ามือ เรียงเวียน ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ดอกมีเพศเดียว
                                                                        กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ไม่มีกลีบดอก เกสรเพศผู้ 10-15 อัน ติดบนก้านชูเกสรร่วม
                                                                        หุ้มรังไข่ที่เป็นหมัน ในดอกเพศเมียเกสรเพศผู้เป็นหมันติดเป็นวงรอบ หุ้มรังไข่
                                                                        บนก้านชูเกสรร่วม มี 5 คาร์เพลแยกกัน ก้านเกสรเพศเมียแยกหรือเชื่อมติดกัน
                                                                        ที่โคน ยอดเกสร 5 อัน แยกกัน ผลแตกแนวเดียว มี 3-5 ผล เปลือกหนา แห้งแตก
                                                                        มีหนึ่งหรือหลายเมล็ด ไม่มีปีก

                                                                           สกุล Sterculia เดิมอยู่ภายใต้วงศ์ Sterculiaceae ปัจจุบันอยู่วงศ์ย่อย Sterculioi-
                                                                           deae มีประมาณ 150 ชนิด พบในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ในไทยเป็นไม้พื้นเมือง
                                                                           12 ชนิด และไม้ประดับ 1 ชนิด คือ เกาลัด S. monosperma Vent. ชื่อสกุลมา
                      ปอกระสา: แผ่นใบด้านบนมีขนสาก ช่อดอกเพศผู้แบบช่อเชิงลด ช่อดอกเพศเมียแบบช่อกระจุกแน่น ออกเดี่ยว ๆ
                    ก้านช่อสั้น ผลย่อยฉ�่า สีส้มอมแดง (ภาพช่อดอกเพศผู้: อุบลราชธานี - PK; ภาพช่อดอกแพศเมีย: พบพระ ตาก - RP)  จากภาษาละติน “stercus” มูลสัตว์ หมายถึงใบและดอกบางชนิดมีกลิ่นเหม็น

                                                                                                                    247






        58-02-089_213-292_Ency_new1-3_J-Coated.indd   247                                                                 3/1/16   5:53 PM
   262   263   264   265   266   267   268   269   270   271   272