Page 276 - สารานุกรมพืช ในประเทศไทย (ฉบับย่อ) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ E-BOOK โดย พระครูโสภณวีรานุวัตร, ดร. วัดป่า สุพรรณบุรี.
P. 276
ปันแถ
ปันแถ, สกุล สารานุกรมพืชในประเทศไทย ออกที่ปลายกิ่งด้านข้าง มี 1-3 ดอก ใบประดับรูปแถบขนาดเล็ก หลอดกลีบเลี้ยงสั้น
Albizia Durazz. กลีบรูปลิ่มแคบ ยาว 0.6-1 ซม. ติดทน กลีบดอกสีขาว ไม่มีกลิ่นหอม หลอดกลีบ
วงศ์ Fabaceae ยาว 2.5-3.5 ซม. มี 7-9 กลีบ รูปขอบขนาน ยาวเท่า ๆ หลอดกลีบดอก ผลติดเป็นคู่
รูปรี ยาวประมาณ 1.2 ซม. (ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ มะลิ, สกุล)
ไม้เถา ไม้พุ่มรอเลื้อย หรือไม้ต้น หูใบร่วงเร็ว ใบประกอบ 2 ชั้น บนแกนระหว่าง พบที่กัมพูชา และภาคตะวันออกเฉียงใต้ของไทยที่จันทบุรี และตราด ขึ้นตาม
ใบประกอบย่อยมีต่อม ช่อดอกแบบช่อกระจุกแน่นหรือช่อเชิงหลั่น ออกเดี่ยว ๆ ป่าดิบชื้น และป่าดิบเขา ความสูงถึงประมาณ 2000 เมตร พบครั้งแรกโดยหม่อมราชวงศ์
หรือแยกแขนง ดอกมีก้านหรือไร้ก้าน กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็นแฉก สุวพันธุ์ สนิทวงศ์ และเป็นผู้ส่งตัวอย่างไปให้นักวิจัยที่สวนพฤกษศาสตร์คิว บาง
รูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก 5 แฉก กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด มี 5 กลีบ เกสรเพศผู้ ครั้งเรียกว่า มะลิ ร. 5 เข้าใจว่าพบในสมัยรัชกาลที่ 5 และทรงพระราชทานนาม ปันหยี
จ�านวนมาก ก้านชูอับเรณูเชื่อมติดกันที่โคน รังไข่มีช่องเดียว ก้านเกสรเพศเมีย ส่วน subsp. nobile พบเฉพาะในพม่า ดอกเล็กกว่า และช่อดอกมี 3-7 ดอก
รูปเส้นด้าย ฝักแห้งแตกหรือไม่แตก เมล็ดมีรอยรูปตัวยู
เอกสารอ้างอิง
สกุล Albizia อยู่ภายใต้วงศ์ย่อย Mimosoideae เผ่า Ingeae มีประมาณ 150 ชนิด Dunn, S.T. (1921). Jasminum rex. Bulletin of Miscellaneous Information Kew
ในไทยมี 12 ชนิด รวมไม้ต่างถิ่น 1 ชนิด คือ จามจุรี Albizia saman (Jacq.) Merr. 1921: 219.
แต่ไม่รวมมะขามแขก Cathormion umbellatum (Vahl) Kosterm. ชื่อสกุลตั้งตาม Green, P.S. (2000). Oleaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(2): 335-337.
นักธรรมชาติวิทยาชาวอิตาลี Filippo degli Albizzi ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18
ปันแถ
Albizia lucidior (Steud.) I. C. Nielsen
ชื่อพ้อง Inga lucidior Steud.
ไม้ต้น สูงได้ถึง 40 ม. ใบประกอบยาวได้ถึง 12 ซม. ใบประกอบย่อย 1-3 คู่
ยาว 2-13 ซม. มีต่อมบนแกนใบประกอบและใบประกอบย่อย ใบย่อย 2-7 คู่
รูปไข่หรือรูปไข่กลับ หรือแกมรูปขอบขนาน เบี้ยว ยาว 3.5-15 ซม. ก้านใบย่อยยาว
ประมาณ 3 มม. ช่อดอกแบบช่อกระจุกแน่น แยกแขนง แต่ละช่อกระจุกมี 10-15 ดอก
ดอกวงนอกขนาดเล็กกว่าวงใน ก้านดอกยาวประมาณ 2 มม. กลีบเลี้ยงและกลีบดอก
มีขนละเอียด หลอดกลีบเลี้ยงยาว 1.5-5 มม. หลอดกลีบดอกยาว 4.5-8 มม.
กลีบรูปไข่หรือแกมรูปขอบขนาน ยาว 1.5-4 มม. ก้านชูอับเรณูเชื่อมติดกันเป็นหลอด
ยาวเท่า ๆ หลอดกลีบเลี้ยง รังไข่เกลี้ยง มีก้านสั้น ๆ ฝักรูปแถบ แบน ยาว 10-30 ซม. ปันหยี: ช่อดอกมี 1-3 ดอก กลีบดอก 7 กลีบ ใบเรียงตรงข้าม เส้นแขนงใบ 2 เส้นใกล้โคนโค้งเป็นเส้นขอบใน
แห้งแตก มีได้ถึง 10 เมล็ด เส้นผ่านศูนย์กลาง 8-9 มม. เส้นแขนงใบไม่ชัดเจน ผลติดเป็นคู่ (ภาพซ้าย: cultivated - RP; ภาพขวา: เขาคิชฌกูฏ จันทบุรี - PK)
พบที่อินเดีย ภูฏาน เนปาล จีนตอนใต้ พม่า และภูมิภาคอินโดจีน ในไทยพบแทบ ปากกา, สกุล
ทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ ขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง และป่าดิบเขา ความสูงถึง
ประมาณ 1200 เมตร Adenia Forssk.
วงศ์ Passifloraceae
เอกสารอ้างอิง
Nielsen, I.C. (1985). Leguminosae-Mimosoideae. In Flora of Thailand Vol. 4(2): ไม้เถาหรือไม้ล้มลุก มักมีหัวใต้ดิน แยกเพศต่างต้นหรือร่วมต้น มีมือจับ หูใบ
189-191. ขนาดเล็ก ใบเรียงเวียน มี 1-2 ต่อมที่โคนใบหรือปลายก้านใบ ช่อดอกแบบช่อกระจุก
Wu, D. and I.C. Nielsen. (2010). Fabaceae (Tribe Ingeae). In Flora of China Vol. ใบประดับและใบประดับย่อยขนาดเล็ก ก้านดอกมีก้านต่อ กลีบเลี้ยงและกลีบดอก
10: 62-63. จ�านวนอย่างละ 5 กลีบ ฐานดอกรูปถ้วย มีกะบังหรือไม่มี เกสรเพศผู้ 5 อัน ติดใกล้
โคนหรือเชื่อมติดฐานดอก จานฐานดอกจัก 5 พู รูปกระบอง โค้งออก รังไข่เกลี้ยง
มีก้านชูเกสรเกสรเพศเมีย (gynophore) ก้านเกสรเพศเมีย 3 อัน แยกหรือเชื่อม
ติดกันที่โคน ผลแห้งแตก มี 3 ซีก ผนังหนา เมล็ดมีก้าน
สกุล Adenia อยู่ภายใต้วงศ์ย่อย Passifloroideae มีประมาณ 100 ชนิด ส่วนมาก
พบในแอฟริกาและมาดากัสการ์ ในไทยมี 6 ชนิด ต้นอ่อนและต้นแก่ค่อนข้าง
แตกต่างกันโดยเฉพาะรูปร่างใบ และตำาแหน่งของต่อมที่โคนใบหรือบนก้านใบ
ชื่อสกุลมาจากภาษาอาหรับ “aden” ที่ใช้เรียกพืชชนิดหนึ่งในสกุลนี้
ปากกา
Adenia penangiana (Wall. ex G. Don) W. J. de Wilde
ชื่อพ้อง Passiflora penangiana Wall. ex G. Don
ไม้เถา ใบรูปไข่ หรือรูปรีถึงรูปแถบ ยาว 2-16 ซม. โคนมนหรือกลม ติดคล้าย
ปันแถ: ใบประกอบ 2 ชั้น ช่อดอกแบบช่อกระจุกแน่น แยกแขนง เกสรเพศผู้จ�านวนมาก ฝักรูปแถบ แบน
(ภาพ: เขาสอยดาว จันทบุรี - SR) ก้นปิด มีต่อม 2 ต่อม มือจับออกเดี่ยว ๆ หรือแยก 3 แฉก ยาวได้ถึง 10 ซม. ช่อดอก
สั้นหรือยาวได้กว่า 10 ซม. มือจับ 1-3 อัน หรือไม่มี ช่อดอกเพศผู้มีหลายดอก ช่อ
ปันหยี ดอกเพศเมียมี 1-3 ดอก ก้านดอกยาว 0.3-5 มม. ดอกรูประฆัง ยาว 0.8-1.7 ซม.
Jasminum nobile C. B. Clarke subsp. rex (Dunn) P. S. Green รวมก้านต่อ (stipe) กลีบเลี้ยงแยกหรือเชื่อมติดกันที่โคน รูปแถบ ยาว 0.5-1.5 ซม.
วงศ์ Oleaceae ติดทน กลีบดอกรูปรีหรือรูปขอบขนาน ยาว 0.4-1 ซม. ขอบจัก มีก้านกลีบ
ชื่อพ้อง Jasminum rex Dunn เกสรเพศผู้ยาว 2.5-3.5 มม. เชื่อมติดกันที่โคน ปลายอับเรณูเป็นติ่งแหลม กะบัง
แยกเป็นแฉก จานฐานดอกเป็นต่อม ยาว 0.5-1 มม. ก้านชูเกสรเพศเมียสั้น หรือ
ไม้เถา เกลี้ยง ใบเรียงตรงข้าม รูปรี รูปขอบขนาน หรือแกมรูปไข่ ยาว 5-14 ซม. ขยายในผลยาวได้ถึง 2.5 ซม. ก้านเกสรเพศเมียเชื่อมติดกันที่โคน ส่วนแยกยาว
ปลายแหลมหรือแหลมยาว เส้นแขนงใบออกใกล้โคนข้างละ 1 เส้น โค้งเป็นเส้น 1-2 มม. ยอดเกสรเป็นตุ่ม มีปุ่มละเอียด ผลรูปรีหรือรูปขอบขนาน ยาว 2-7 ซม.
ขอบใน เส้นแขนงใบไม่ชัดเจน มี 2-3 เส้นในแต่ละข้าง ช่อดอกแบบช่อกระจุก สุกสีแดง มี 5-15 เมล็ด
256
58-02-089_213-292_Ency_new1-3_J-Coated.indd 256 3/1/16 5:49 PM