Page 383 - สารานุกรมพืช ในประเทศไทย (ฉบับย่อ) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ E-BOOK โดย พระครูโสภณวีรานุวัตร, ดร. วัดป่า สุพรรณบุรี.
P. 383

สกุล Lepistemon Blume มี 6 ชนิด พบในแอฟริก� เอเชีย และออสเตรเลีย ใน  ย่�นจะงอย  สารานุกรมพืชในประเทศไทย  ย่านชงโค
                       ไทยมีชนิดเดียว ชื่อสกุลม�จ�กภ�ษ�กรีก “lepis” เกล็ด และ “stemon” เกสรเพศผู้   Chilocarpus rostratus Markgr.
                       ต�มลักษณะโคนก้�นชูอับเรณูแผ่คล้�ยเกล็ด
                                                                        วงศ์ Apocynaceae
                      เอกส�รอ้�งอิง                                        ไม้เถา ยาวได้ถึง 20 ม. น�้ำยำงสีขำว ใบเรียงตรงข้ำม รูปไข่กลับ แกมรูปขอบขนาน
                       Staples, G. (2010). Convolvulaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(3): 429-431.
                                                                        หรือรูปใบพาย ยาว 2-16.5 ซม. ปลำยกลมหรือแหลมสั้น ๆ มีติ่งแหลม เส้นแขนงใบ
                                                                        จ�ำนวนมำก เรียงจรดกันเป็นเส้นขอบใน ก้านใบยาว 0.5-2 ซม. ช่อดอกออกสั้น ๆ
                                                                        ตามซอกใบ ดอกไร้ก้านหรือมีก้านสั้นมาก กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปไข่ขนาดเล็ก ปลายกลม
                                                                        ดอกสีเหลือง กลีบเรียงซ้อนทับด้ำนซ้ำยในตำดอก หลอดกลีบดอกยาว 4-7 มม.
                                                                        ด้านในมีขนสั้นนุ่มใต้เกสรเพศผู้ มี 5 กลีบ รูปเคียว ยาว 3-6 มม. เกสรเพศผู้ 5 อัน
                                                                        ติดใกล้โคนหลอดกลีบ ไม่แนบติดเกสรเพศเมีย ก้านชูอับเรณูสั้น อับเรณูยาวประมาณ
                                                                        1 มม. คาร์เพลเชื่อมกัน ออวุลจ�านวนมาก ก้านเกสรเพศเมียยาว 1.5-2.5 มม.
                                                                        รวมยอด ผลสด แห้งแตกเป็น 2 ส่วน รูปรีหรือรูปขอบขนาน ยาว 4-9 ซม. เรียบหรือ
                                                                        มีตุ่มหนำแน่น เมล็ดมีเยื่อหุ้มคล้ำยคอร์ก
                                                                           พบที่คาบสมุทรมลายู สุมาตรา บอร์เนียว และภาคใต้ตอนล่างของไทยที่
                                                                        นราธิวาส ขึ้นตามป่าดิบชื้น ความสูงระดับต�่า ๆ ยางขาวแก้พิษงูและแผลที่ถูกกัด

                                                                           สกุล Chilocarpus Blume มีประม�ณ 15 ชนิด พบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
                                                                           โดยเฉพ�ะในสุม�ตร�และบอร์เนียว ในไทยมี 3 ชนิด ชื่อสกุลม�จ�กภ�ษ�กรีก
                      ย่ำนขน: มีขนยาวสีน�้าตาลตามล�าต้น แผ่นใบ ก้านใบ ช่อดอก และกลีบเลี้ยง ช่อดอกแบบช่อกระจุกคล้ายช่อซี่ร่ม
                    ดอกรูปคนโท (ภาพ: กาญจนบุรี - SSi)                      “cheilos” ป�ก และ “karpos” ผล ต�มลักษณะผลที่แตกออกเป็น 2 ส่วน หรือ
                                                                           ม�จ�กคำ�ว่� “chylos” น้ำ�คั้นจ�กผล คือมีน้ำ�ย�งข�ว
                    ย่�นขลง
                    Coptosapelta flavescens Korth.                        เอกส�รอ้�งอิง
                                                                           Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 26-27.
                    วงศ์ Rubiaceae                                         ________. (2007). Chilocarpus rostratus (Apocynaceae), a new record for
                                                                              Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) 35: 85-88.
                       ไม้เถำเนื้อแข็ง ยาวได้กว่า 20 ม. มีขนสั้นนุ่มตามกิ่งอ่อน ก้านใบ ช่อดอก ก้านดอก
                    และกลีบเลี้ยง หรือเกลี้ยง หูใบรูปสามเหลี่ยมแคบ ยาว 3-6 มม. ใบเรียงตรงข้าม
                    รูปรี ยาว 7.5-12.5 ซม. เส้นแขนงใบข้ำงละ 3-4 เส้น โค้งจรดขอบใบ ก้านใบยาว
                    0.5-2 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปสามเหลี่ยมมน
                    ขนาดเล็ก ติดทน ดอกรูปแตรสีขาว มีกลิ่นหอม เปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อนอมส้ม
                    หลอดกลีบดอกสั้น กลีบดอก 5 กลีบ รูปใบหอกหรือรูปแถบ บานออก ยาว 0.7-1 ซม.
                    เกสรเพศผู้ 5 อัน ติดบนปากหลอดกลีบดอก ก้านชูอับเรณูสั้น อับเรณูรูปเส้นด้ำย
                    ยำวเท่ำ ๆ กลีบดอก มีขนยำวคล้ำยไหม โคนแยกเป็น 2 แฉก รังไข่มี 2 ช่อง
                    ออวุลจ�านวนมากติดบนพลาเซนตารูปโล่ ก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรรูปกระบอง
                    ยื่นพ้นปากหลอดกลีบดอก ยาว 7-9 มม. ผลแห้งแตก เส้นผ่านศูนย์กลาง 6-8 มม.
                    แยกเป็น 2 พู เมล็ดแบน มีปีกรอบจักเป็นพู่
                       พบที่พม่าตอนล่าง ภูมิภาคอินโดจีนและมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ในไทยพบแทบ
                    ทุกภาค ยกเว้นภาคเหนือ ขึ้นตามชายป่าดิบแล้งและป่าดิบชื้น หรือป่าพรุ ความสูง
                    ถึงประมาณ 900 เมตร น�้าสกัดจากรากเป็นยาถ่ายพยาธิในเด็ก แก้ตับอักเสบ แก้ไข้
                    และใช้ทากันแมลง                                       ย่ำนจะงอย: ส่วนต่าง ๆ มีน�้ายางขาว ใบเรียงตรงข้าม ปลายกลม เส้นแขนงใบจ�านวนมาก เรียงจรดกันเป็นเส้นขอบใน
                                                                        ผลสดมีตุ่มหนาแน่น (ภาพ: แว้ง นราธิวาส - MP)
                       สกุล Coptosapelta Korth. มีประม�ณ 16 ชนิด พบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้   ย่�นชงโค
                       จีนตอนใต้ ไต้หวัน และญี่ปุ่น ในไทยมีชนิดเดียว ชื่อสกุลม�จ�กภ�ษ�กรีก
                       “kopto” ตัดเป็นชิ้น และ “pelte” โล่หรือฝ�ครอบ ต�มลักษณะของเมล็ดที่มีปีก  Lasiobema concreta (Craib) A. Schmitz
                       รอบจักเป็นพู่                                    วงศ์ Fabaceae
                                                                          ชื่อพ้อง Bauhinia concreta Craib
                      เอกส�รอ้�งอิง
                       Chen, T. and C.M. Taylor. (2011). Rubiaceae (Coptosapelta). In Flora of China   ไม้เถำเนื้อแข็ง มีขนสีเทำหนำแน่นตำมกิ่งอ่อน แผ่นใบด้ำนล่ำง และช่อดอก
                          Vol. 19: 92.                                  ใบรูปไข่ ยาว 5-7 ซม. ปลายแหลม โคนเว้ำลึก ใบที่โคนปลายแยกเป็นแฉกตื้น ๆ
                       Puff, C., K. Chayamarit and V. Chamchumroon. (2005). Rubiaceae of Thailand.   ปลายแหลม เส้นโคนใบข้ำงละ 1-3 เส้น ก้านใบยาว 1-3 ซม. ช่อดอกยาวได้ถึง
                          Forest Herbarium, Bangkok.                    20 ซม. ใบประดับยาวประมาณ 2 มม. ก้านดอกยาว 1-1.5 ซม. ใบประดับย่อย
                                                                        ติดใกล้โคนก้านดอก ตาดอกเส้นผ่านศูนย์กลาง 2-3 มม. ฐานดอกสั้น กลีบเลี้ยง
                                                                        แฉกลึกถึงโคน ยาวประมาณ 3 มม. ปลายมน ดอกสีขาวหรืออมเขียว กลีบรูปไข่กลับ
                                                                        ยาวประมาณ 5 มม. รวมก้าน เกสรเพศผู้ 3 อัน ก้านชูอับเรณูยาว 4-5 มม.
                                                                        เกสรเพศผู้ที่เป็นหมัน 2 อัน จำนฐำนดอกรูปเบำะ สีขำวใส รังไข่เกลี้ยง ฝักยาว
                                                                        4-5 ซม. (ดูข้อมูลเพิ่มเติมทื่ เครือเขาแกบ, สกุล)
                                                                           พืชถิ่นเดียวของไทย พบทางภาคใต้ที่สุราษฎร์ธานี กระบี่ ขึ้นตามเขาหินปูนเตี้ย ๆ
                                                                        ความสูง 50-250 เมตร
                                                                          เอกส�รอ้�งอิง
                      ย่ำนขลง: ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนง เส้นแขนงใบข้างละ 3-4 เส้น กลีบดอกยาวกว่าหลอดกลีบดอก อับเรณู  Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae.
                    รูปเส้นด้าย มีขนยาวคล้ายไหม โคนแยกเป็น 2 แฉก (ภาพ: บึงโขงหลง บึงกาฬ - PK)  In Flora of Thailand Vol. 4(1): 27-29.

                                                                                                                    363






        59-02-089_293-398_Ency new1-3_J-Coated.indd   363                                                                 3/1/16   6:13 PM
   378   379   380   381   382   383   384   385   386   387   388