Page 395 - สารานุกรมพืช ในประเทศไทย (ฉบับย่อ) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ E-BOOK โดย พระครูโสภณวีรานุวัตร, ดร. วัดป่า สุพรรณบุรี.
P. 395

เปลือกใช้ย้อมสีให้สีแดง เนื้อในฝักและเมล็ดเป็นยาระบาย ส่วน คูนขาว Cassia   ราชาวดีหลวง สารานุกรมพืชในประเทศไทย  ราชาวดีหลวง
                    x nealiae H. S. Irwin & Barneby เป็นลูกผสมระหว่าง C. javanica L. ที่มี  Buddleja macrostachya Wall. ex Benth.
                    ก้านชูอับเรณูโป่งกลาง และ C. fistula L. ที่ดอกห้อยลง ซึ่งตั้งตามนักพฤกษศาสตร์
                    ชาวฮาวาย Marie C. Neal ดอกมีทั้งสีขาว สีครีม สีเหลือง หรือสีส้มอมแดง  ไม้พุ่ม สูงได้ถึง 5 ม. มีขนกระจุกตามกิ่งอ่อน แผ่นใบ กลีบเลี้ยงและหลอดกลีบดอก
                                                                        ด้านนอก หลอดกลีบดอก และผล ใบรูปขอบขนานหรือรูปใบหอก ยาว 4-4.5ซม.
                      เอกสารอ้างอิง                                     ปลายแหลมยาว โคนรูปลิ่มหรือเรียวสอบจรดล�าต้น ขอบจักมน เส้นแขนงใบข้างละ
                       Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae.   15-25 เส้น ไร้ก้านหรือเกือบไร้ก้าน ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ออกที่ปลายกิ่ง ยาว
                          In Flora of Thailand Vol. 4(1): 103-105.
                       Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum   5-20 ซม. เรียงหนาแน่น หลอดกลีบเลี้ยงยาว 3-6 มม. กลีบรูปสามเหลี่ยม ยาวประมาณ
                          Press, Honolulu, Hawai`i.                     2 มม. ดอกสีชมพูอมม่วง ปากหลอดสีส้ม หลอดกลีบดอกยาว 0.8-1 ซม. กลีบกลม
                                                                        ยาว 2-4 มม. อับเรณูยาวประมาณ 2 มม. รังไข่มีขนกระจุกสั้นนุ่ม ก้านเกสรเพศเมีย
                                                                        ยาว 0.5-3 มม. ยอดเกสรรูปคล้ายกระบอง ผลแห้งแตก รูปรี ยาว 0.7-1 ซม.
                                                                           พบที่อินเดีย ภูฏาน บังกลาเทศ พม่า จีนตอนใต้ และเวียดนาม ในไทยพบทาง
                                                                        ภาคเหนือที่ดอยเชียงดาวและดอยผ้าห่มปก จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นตามที่โล่งบนเขาหินปูน
                                                                        ความสูง 1600-2200 เมตร

                                                                          เอกสารอ้างอิง
                                                                           Li, B. and A.J.M. Leeuwenberg. (1996). Loganiaceae. In Flora of China Vol. 15:
                                                                              329-337.
                                                                           Opie, P. and J. Parnell. (2002). Buddlejaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(4): 655-661.





                      ราชพฤกษ์: ช่อดอกแบบช่อกระจะ ห้อยลง ดอกสีเหลือง ฝักรูปทรงกระบอก (ภาพซ้าย: cultivated - RP); คูนขาว:
                    Cassia x nealiae ดอกมีทั้งสีขาว สีครีม สีเหลือง ก้านชูอับเรณูโป่งกลาง (ภาพขวา: cultivated - RP)

                    ราชาวดี, สกุล
                    Buddleja L.
                    วงศ์ Scrophulariaceae
                       ไม้พุ่มหรือรอเลื้อย หูใบคล้ายใบหรือลดรูป ล�าต้นมักเป็นสี่เหลี่ยม ใบส่วนมาก
                    เรียงตรงข้าม ขอบเรียบหรือจักซี่ฟัน ช่อดอกคล้ายช่อกระจุกแยกแขนง ช่อเชิงลด
                    หรือช่อแยกแขนง ช่อกระจุกย่อยมี 1-3 ดอก ใบประดับคล้ายใบ ดอกสมบูรณ์เพศ
                    หรือมีเพศเดียว กลีบเลี้ยงรูปถ้วย ปลายแยกเป็น 4 กลีบ ติดทน ดอกรูประฆัง
                    รูปดอกเข็ม หรือรูปแตร มี 4 กลีบ เรียงซ้อนเหลื่อม ปากหลอดกลีบมักมีขนสั้นนุ่ม   ราชาวดี: ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ออกเดี่ยว ๆ หรือแยกแขนง ปากหลอดกลีบดอกมีขนสั้นนุ่ม (ภาพซ้าย:
                    เกสรเพศผู้ 4 อัน ติดภายในหลอดกลีบระหว่างกลีบดอก ก้านชูอับเรณูสั้นหรือไร้ก้าน   กาญจนบุรี - SSi; ภาพขวาบน: ดอยเชียงดาว เชียงใหม่ - PK; ภาพขวาล่าง: form ของต้นที่เป็นไม้ประดับ - RP)
                    อับเรณูติดหันเข้า โคนแฉกลึกรูปหัวใจ รังไข่มี 2-4 ช่อง ออวุลจ�านวนมาก ยอด
                    เกสรเพศเมียเป็นตุ่มหรือจัก 2 พู ผลแห้งแตกตามรอยประสานหรือผลสด เมล็ด
                    ขนาดเล็กจ�านวนมาก มีปีกที่ปลายทั้งสองด้าน

                       สกุล Buddleja เคยอยู่ภายใต้วงศ์ Buddlejaceae และ Loganiaceae พบในเขตร้อน
                       ทั้งในอเมริกา แอฟริกา และเอเชีย มีประมาณ 125 ชนิด ในไทยมีพืชพื้นเมือง
                       2 ชนิด และหลายชนิดพบเป็นไม้ประดับ เช่น ราชาวดีม่วง B. davidii Franch.
                       ที่ช่อดอกคล้ายช่อกระจุกแยกแขนง มีหลากสายพันธุ์ ชื่อสกุลตั้งตามนักพฤกษศาสตร์
                       ชาวอังกฤษ Adam Buddle (1660-1715)

                                                                          ราชาวดีหลวง: ถิ่นที่อยู่บนที่โล่งเขาหินปูน ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ออกที่ปลายกิ่ง มีแต้มสีส้มที่ปากหลอดกลีบดอก
                    ราชาวดี                                             (ภาพ: ดอยเชียงดาว เชียงใหม่ - SSi)
                    Buddleja asiatica Lour.
                       ไม้พุ่ม สูงได้ถึง 5 ม. มีขนกระจุกสั้นนุ่มหนาแน่นตามกิ่งอ่อน แผ่นใบด้านล่าง
                    ช่อดอก กลีบเลี้ยงและกลีบดอกด้านนอก ใบรูปไข่ รูปขอบขนาน หรือรูปใบหอก ยาว
                    ได้ถึง 16 ซม. ปลายแหลมยาว โคนเรียวสอบ ขอบจักฟันเลื่อย ก้านใบยาว 0.2-1.5 ซม.
                    ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ยาวได้ถึง 30 ซม. บางครั้งแยกแขนง ก้านดอกยาวประมาณ
                    2 มม. หลอดกลีบเลี้ยง ยาว 1.5-4.5 มม. กลีบรูปสามเหลี่ยมแคบ ยาวประมาณ
                    1.5 มม. ดอกสีขาวหรืออมเขียว หลอดกลีบยาว 2.5-6 มม. กลีบกลม ยาว 1-1.7 มม.
                    ขอบเรียบหรือจักเป็นคลื่น อับเรณูยาวประมาณ 1 มม. รังไข่เกลี้ยงหรือมีเกล็ดรังแค
                    ปลายเรียวยาวเป็นก้านเกสรเพศเมีย ยาวได้ถึง 3.5 มม. ผลแห้งแตก รูปรี ยาว 3-5 มม.
                       พบที่อินเดีย บังกลาเทศ เนปาล จีนตอนใต้ พม่า ภูมิภาคอินโดจีนและมาเลเซีย
                    นิวกินี และฟิลิปปินส์ ในไทยพบทุกภาค ขึ้นตามที่โล่ง ชายป่า ความสูง 200-2500 เมตร
                    และเป็นไม้ประดับ ดอกขยี้ใช้ทาแก้โรคผิวหนัง ใบและกิ่งอาจมีพิษ ใช้เบื่อปลา ต้นที่
                    เป็นไม้ประดับ ใบส่วนมากรูปไข่ ดอกหนาแน่น มักเข้าใจว่าเป็น B. paniculata
                    Wall. ที่ขอบใบเรียบ ช่อดอกคล้ายช่อกระจุกแยกแขนงสั้น ๆ ดอกมีทั้งสีม่วง ชมพู และ  ราชาวดีม่วง: B. davidii ช่อดอกคล้ายช่อกระจุกแยกแขนง ดอกสีม่วง หลอดกลีบดอกเกลี้ยง ปากหลอดกลีบดอกสีส้ม
                    ขาว หลอดกลีบดอกยาว 0.6-1 ซม. รังไข่มีขน และยอดเกสรเพศเมียรูปกระบอง  และมีหลายสายพันธุ์ (ภาพ: cultivated - RP)


                                                                                                                    375






        59-02-089_293-398_Ency new1-3_J-Coated.indd   375                                                                 3/1/16   6:13 PM
   390   391   392   393   394   395   396   397   398   399   400