Page 428 - สารานุกรมพืช ในประเทศไทย (ฉบับย่อ) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ E-BOOK โดย พระครูโสภณวีรานุวัตร, ดร. วัดป่า สุพรรณบุรี.
P. 428

สะเดาช้าง


                สะเดาช้าง           สารานุกรมพืชในประเทศไทย
                Acrocarpus fraxinifolius Wight ex Arn.
                วงศ์ Fabaceae
                   ไม้ต้นผลัดใบ สูงได้ถึง 30 ม. มีขนสั้นนุ่มตามยอดอ่อน ช่อดอก และกลีบเลี้ยง
                ใบประกอบ 2 ชั้น แกนใบประกอบยาว 10-60 ซม. มีขนละเอียด ก้านใบยาว
                5-20 ซม. ใบประกอบย่อยมี 3-5 คู่ ใบย่อยมี 4-9 คู่ รูปไข่หรือแกมรูปขอบขนาน
                ยาว 2-15 ซม. ปลายแหลมหรือแหลมยาว โคนรูปลิ่มกว้างถึงกลม เบี้ยว ก้านใบสั้น
                ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกตามซอกใบ 1-3 ช่อ ยาว 20-25 ซม. ก้านดอกยาว
                6-8 มม. ฐานดอกรูประฆัง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปสามเหลี่ยม ปลายมน ยาว 3-4 มม.
                ดอกสีแดง มี 5 กลีบ รูปใบหอกหรือรูปแถบ ยาว 0.6-1 ซม. เกสรเพศผู้ 5 อัน ติดระหว่าง
                กลีบดอก ก้านชูอับเรณูสีเหลืองอมแดง ยาวประมาณ 2 เท่าของกลีบดอก อับเรณู
                ติดไหว รังไข่มีก้านยาว ออวุลจ�านวนมาก ก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรขนาดเล็ก
                ฝักแบน เรียวแคบ ยาว 8-15 ซม. ปีกกว้าง 3-5 มม. เมล็ดรูปไข่ แบน ยาว 5-7 มม.
                                                                      สะเดาดิน: ไม้ล้มลุกขึ้นเป็นกอบนโขดหินริมล�าธาร ช่อดอกออกตามซอกใบ ดอกรูปกงล้อ หลอดกลีบดอกสั้น
                   พบที่อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ ภูฏาน พม่า จีนตอนใต้ ภูมิภาคอินโดจีน   กลีบดอกรูปแถบ (ภาพ: ภูวัว หนองคาย - PK)
                สุมาตรา และชวา ในไทยพบกระจายห่าง ๆ แทบทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ ขึ้นตาม
                ป่าดิบแล้งตามสันเขาหรือริมล�าธาร ความสูงถึงประมาณ 1200 เมตร นิยมปลูก  สะตือ
                เป็นไม้สวนป่าในเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาเขตร้อน      Crudia chrysantha (Pierre) K. Schum.
                                                                     วงศ์ Fabaceae
                   สกุล Acrocarpus Wight ex Arn. อยู่วงศ์ย่อย Caesalpinioideae เผ่า Caesal-  ชื่อพ้อง Apalatoa chrysantha Pierre
                   pinieae มีชนิดเดียว พบในเอเชียเขตร้อน ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก “akros”
                   ยอดหรือตอนปลายสุด และ “karpos” ผล ตามลักษณะผลที่ออกที่ปลายกิ่ง   ไม้ต้น สูงได้ถึง 25 ม. มีขนสั้นนุ่มสีเทาตามกิ่งอ่อน ช่อดอก กลีบเลี้ยงด้านใน
                   หรือรังไข่และผลมีก้านยาว                          และรังไข่ หูใบขนาดเล็ก ร่วงเร็ว ใบประกอบปลายคี่ เรียงเวียน แกนใบประกอบยาว
                                                                     4-8 ซม. ใบย่อยมี 4-6 ใบ เรียงสลับระนาบเดียว รูปไข่ ยาว 3-8 ซม. ปลายแหลมยาว
                  เอกสารอ้างอิง                                      ส่วนปลายมน โคนกลมหรือมน ก้านใบยาว 2-3 มม. ช่อดอกคล้ายช่อเชิงลด ออกตาม
                   Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae.
                      In Flora of Thailand Vol. 4(1): 50.            ซอกใบ ยาว 5-15 ซม. ก้านดอกยาว 3-4 มม. ใบประดับและใบประดับย่อยขนาดเล็ก
                                                                     ร่วงเร็ว ฐานดอกสั้น กลีบเลี้ยง 4 กลีบ เรียงซ้อนเหลื่อม รูปไข่ ยาว 3-4 มม.
                                                                     ด้านนอกเกลี้ยง พับงอกลับ ไม่มีกลีบดอก เกสรเพศผู้ 8-10 อัน แยกกัน ยาวกว่า
                                                                     กลีบเลี้ยงเล็กน้อย รังไข่มีขน ออวุล 3-5 เม็ด ก้านเกสรเพศเมียยาวเท่า ๆ รังไข่
                                                                     ยอดเกสรเป็นตุ่ม ผลรูปรี แบน ยาว 5-6 ซม. แห้งแตก มีขนก�ามะหยี่หนาแน่น
                                                                     มี 1-2 เมล็ด คล้ายเมล็ดถั่ว ยาวประมาณ 3 ซม.
                                                                       พบในภูมิภาคอินโดจีน ในไทยพบกระจายห่าง ๆ ทางภาคกลาง ภาคตะวันออก
                                                                     ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงใต้ที่ปราจีนบุรี ขึ้นตามที่ราบ
                  สะเดาช้าง: ใบประกอบ 2 ชั้น ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกตามซอกใบ 1-3 ช่อ (ภาพ: เขาใหญ่ นครราชสีมา - MP)  ท้องนา และริมล�าธารในป่าดิบแล้ง ความสูงระดับต�่า ๆ
                สะเดาดิน                                               สกุล Crudia Schreb. อยู่ภายใต้วงศ์ย่อย Caesalpinioideae เผ่า Detarieae
                Pentasacme caudatum Wall. ex Wight                     มี 50-55 ชนิด พบในอเมริกาเขตร้อน แอฟริกา และเอเชีย โดยเฉพาะภูมิภาค
                วงศ์ Apocynaceae                                       มาเลเซีย เป็นสกุลที่ยังมีการศึกษาน้อยมาก ในไทยมี 6 ชนิด อีก 5 ชนิด พบ
                                                                       เฉพาะทางภาคใต้ตอนล่าง มักพบตามป่าพรุน้ำาจืด มีพืชถิ่นเดียวของไทย 1 ชนิด
                   ไม้ล้มลุก ขึ้นเป็นกอ สูง 20-80 ซม. ใบเรียงตรงข้าม รูปแถบ ยาว 5-15 ซม.   คือ C. speciosa Prain พบที่พังงาและสุราษฎร์ธานี ชื่อสกุลมาจากภาษาพื้นเมือง
                เส้นแขนงใบไม่ชัดเจน มีเส้นขอบใน เส้นกลางใบนูนทั้งสองด้าน ก้านใบยาว 1-2 มม.   ของประเทศกายอานา หรือตั้งตามนักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกา Johann Wilhelm
                ช่อดอกแบบช่อกระจุก ออกสั้น ๆ ตามซอกใบหรือระหว่างใบ มี 4-8 ดอกในแต่ละช่อ   Crudy (1753-1810?)
                ใบประดับติดที่โคน ยาว 2-3 มม. ก้านดอกยาว 0.5-1.5 ซม. กลีบเลี้ยง 5 กลีบ
                รูปสามเหลี่ยม ยาวประมาณ 3 มม. มีต่อมที่โคน ดอกรูปกงล้อ สีขาว มี 5 กลีบ   เอกสารอ้างอิง
                รูปแถบ บิดเวียนด้านขวา ยาวประมาณ 1 ซม. หลอดกลีบสั้น กะบังหนา มี 5 พู   Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae.
                ปลายมีรยางค์คล้ายเกล็ด ขอบจัก ก้านชูอับเรณูเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้น ๆ ปลาย  In Flora of Thailand Vol. 4(1): 88-93.
                อับเรณูบางเป็นจะงอยเล็ก ๆ ติดที่โคนปลายยอดเกสรเพศเมีย ยอดเกสรเพศเมีย
                จักลึก 2 พู ฝักแตกแนวเดียว รูปทรงกระบอก ยาว 4-7 ซม. เมล็ดขนาดเล็กจ�านวนมาก
                ปลายมีกระจุกขน ยาวประมาณ 1.5 ซม.
                   พบที่อินเดีย เนปาล ภูฏาน บังกลาเทศ จีนตอนใต้ พม่า ภูมิภาคอินโดจีน และ
                คาบสมุทรมลายู ในไทยพบกระจายห่าง ๆ ทุกภาค ขึ้นตามโขดหินใกล้ล�าธาร ใน
                ป่าดิบแล้ง และป่าดิบชื้น ความสูงถึงประมาณ 600 เมตร ในจีนใช้เป็นสมุนไพร
                รักษาโรคตับอักเสบ โรคตาแดง แก้เจ็บคอ และโรคหลอดลมอักเสบ
                   สกุล Pentasacme Wall. ex Wight เดิมชื่อ Pentasachme อยู่ภายใต้วงศ์ย่อย
                   Asclepiadoideae มี 4 ชนิด พบเฉพาะในเอเชีย ในไทยมีชนิดเดียว ชื่อสกุลมาจาก
                   ภาษากรีก “pente” 5 และ “akme” ยอด หมายถึงกลีบดอกมี 5 กลีบ ปลายกลีบ
                   บิดเวียน
                  เอกสารอ้างอิง
                   Li, B., M.G. Gilbert and W.D. Stevens. (1995). Asclepiadaceae. In Flora of   สะตือ: ใบประกอบมีใบย่อย 4-6 ใบ เรียงสลับระนาบเดียว ช่อดอกคล้ายช่อเชิงลด กลีบเลี้ยง 4 กลีบ ด้านในมีขนสั้นนุ่ม
                      China Vol. 16: 262.                            ไม่มีกลีบดอก รังไข่มีขนหนาแน่น ผลมีขนก�ามะหยี่หนาแน่น (ภาพดอก: อ่างทอง, ภาพผล: พระนครศรีอยุธยา; - RP)

                408






        59-02-089_399-488_Ency_new1-3_J-Coated.indd   408                                                                 3/1/16   6:25 PM
   423   424   425   426   427   428   429   430   431   432   433