Page 449 - สารานุกรมพืช ในประเทศไทย (ฉบับย่อ) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ E-BOOK โดย พระครูโสภณวีรานุวัตร, ดร. วัดป่า สุพรรณบุรี.
P. 449

เสี้ยวภูลังกา                                                  สารานุกรมพืชในประเทศไทย  แสงระวี
                    Phanera nakhonphanomensis (Chatan) Mackinder & R. Clark
                    วงศ์ Fabaceae
                      ชื่อพ้อง Bauhinia nakhonphanomensis Chatan
                       ไม้เถาเนื้อแข็ง แบนพับไปมา ยาวได้ถึง 30 ม. มีขนสั้นนุ่มสีน�้าตาลแดงหนาแน่น
                    ตามช่อดอก ใบประดับ และกลีบเลี้ยงด้านนอก ใบรูปไข่ ยาว 5-14.5 ซม. ปลายใบ
                    แหลมยาว ไม่แยกเป็นแฉก โคนใบตัดหรือเว้าตื้น เส้นใบ 5 เส้น แผ่นใบด้านบน
                    เป็นมันวาว โคนด้านล่างมีขน ก้านใบยาว 1-3 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจะตั้งขึ้น
                    ยาว 10-20 ซม. ก้านดอกยาวได้ถึง 4 ซม. ใบประดับ 1 คู่ ติดที่โคนดอก รูปรี ยาว
                    ได้ถึง 1 ซม. กลีบเลี้ยงปลายแยก 5 แฉก รูปใบหอก ยาว 1.5-2.5 ซม. พับงอกลับ
                    ดอกสีชมพู กลีบรูปใบพาย ยาว 2.5-4 ซม. รวมก้านกลีบ มีขนแบบขนแกะสีขาว
                    ทั้งสองด้าน เกสรเพศผู้ 3 อัน ก้านชูอับเรณูยาวเท่า ๆ กลีบดอก โค้งเข้า เกสรเพศผู้
                    ที่เป็นหมันมี 6-7 อัน รังไข่มีขนคล้ายขนแกะ รังไข่รวมเกสรเพศเมียยาวเท่า ๆ   เสี้ยวใหญ่: ช่อดอกแบบช่อกระจะแยกแขนงสั้น ๆ กลีบเลี้ยงสั้นกว่ากลีบดอกเล็กน้อย (ภาพ: ภูวัว บึงกาฬ - PK)
                    เกสรเพศผู้ ผลเป็นฝักแบน ยาวได้ถึง 10 ซม. ปลายมีจะงอย (ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่   แสงแดง, สกุล
                    แสลงพัน, สกุล)                                      Colquhounia Wall.
                       พืชถิ่นเดียวของไทย พบที่ภูลังกา จังหวัดนครพนม ขึ้นตามชายป่า หรือที่โล่ง  วงศ์ Lamiaceae
                    ใกล้ล�าธารในป่าดิบแล้ง ความสูง 150-250 เมตร
                                                                           ไม้พุ่ม ส่วนต่าง ๆ มีขนสั้นนุ่มหรือขนรูปดาว ใบเรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก
                      เอกสารอ้างอิง                                     ช่อดอกแบบช่อเชิงลดหรือช่อกระจุกสั้น ๆ ออกเป็นวงรอบกิ่ง ก้านดอกสั้นหรือ
                       Chatan, W. (2013). A new species of Bauhinia L. (Caesalpinioideae, Leguminosae)   ไร้ก้าน กลีบเลี้ยงรูประฆัง มีเส้นกลีบ 10 เส้น ปลายแยกเป็น 5 แฉก ขนาดเท่า ๆ กัน
                          from Nakhon Phanom province, Thailand. PhytoKeys 26: 1-5.  กลีบดอกรูปปากเปิด กลีบปากบนยาวกว่ากลีบปากล่าง ปลายมนหรือจักตื้น ๆ
                                                                        ปากล่างแยกเป็น 3 กลีบ ขนาดเท่า ๆ กัน บานออก เกสรเพศผู้ 2 คู่ คู่หน้า
                                                                        ยาวกว่าคู่หลัง อับเรณูกางออก รังไข่เกลี้ยงหรือมีต่อม ก้านเกสรเพศเมียปลาย
                                                                        แยก 2 แฉก มักไม่เท่ากัน ผลย่อยแบบเปลือกแข็งเมล็ดล่อน รูปไข่กลับแคบ ๆ
                                                                        โป่งด้านเดียว ปลายมีปีก ส่วนมากมี 4 เมล็ด

                                                                           สกุล Colquhounia อยู่ภายใต้วงศ์ย่อย Lamioideae มีประมาณ 6 ชนิด พบใน
                                                                           ประเทศแทบเทือกเขาหิมาลัย จีน พม่า และเวียดนาม ในไทยมี 2 ชนิด ชื่อสกุลตั้ง
                                                                           ตามชาวบริติช Sir Robert Colquhoun (1786-1838) ผู้เก็บตัวอย่างพรรณไม้และผู้ที่
                                                                           สนับสนุนทางการเงินสวนพฤกษศาสตร์กัลกัตตา ในอินเดีย

                                                                        แสงแดง
                                                                        Colquhounia coccinea Wall. var. mollis (Schltdl.) Prain
                                                                          ชื่อพ้อง Colquhounia mollis Schltdl.
                                                                           ไม้พุ่ม สูง 1-4 ม. มีขนรูปดาวสั้นนุ่มหนาแน่นตามกิ่ง แผ่นใบด้านล่าง ช่อดอก
                      เสี้ยวภูลังกา: ช่อดอกแบบช่อกระจะตั้งขึ้น มีขนสั้นนุ่มสีน�้าตาลแดงหนาแน่น ใบประดับติดที่โคนดอก กลีบดอกรูป
                    ใบพาย มีขนแบบขนแกะสีขาว ฝักแบน ปลายมีจะงอย (ภาพ: ภูลังกา นครพนม; ภาพดอก - SSi, ภาพผล - SSa)  และกลีบดอก ใบรูปไข่หรือแกมรูปขอบขนาน ยาว 7-11 ซม. ปลายแหลมยาว โคนมน
                                                                        หรือกลม ขอบจักมน ใบประดับขนาดเล็ก รูปแถบ กลีบเลี้ยงรูประฆัง ยาวประมาณ
                    เสี้ยวใหญ่                                          6 มม. เส้นกลีบไม่ชัดเจน กลีบยาวประมาณ 1 มม. ดอกสีแดงอมส้ม ยาว 2-2.5 ซม.
                    Bauhinia malabarica Roxb.                           หลอดกลีบดอกยาว 1.7-2.3 ซม. ปากบนรูปไข่ จักตื้น ๆ รังไข่มีตุ่มกระจาย
                    วงศ์ Fabaceae                                          พบที่ภูฏาน อินเดีย เนปาล พม่า จีน และภาคเหนือของไทยที่ดอยเชียงดาว
                       ไม้พุ่ม รอเลื้อย หรือไม้ต้นขนาดเล็ก แยกเพศต่างต้น มีขนสั้นนุ่มตามช่อดอก   จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้นตามที่โล่งบนเขาหินปูน ความสูง 1600-2200 เมตร ส่วน var.
                    ก้านดอก และตาดอก ใบรูปไข่กว้าง ยาว 5-9 ซม. ปลายแฉกตื้น ๆ โคนใบตัดหรือ  coccinea กิ่งและแผ่นใบด้านล่างมีขนประปราย พบที่อินเดีย ภูฏาน เนปาล และจีน
                    เว้าตื้น แผ่นใบด้านล่างมีนวล เกลี้ยงหรือมีขนสั้นนุ่ม เส้นใบ 9-11 เส้น ก้านใบ
                    ยาว 2-4 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจะแยกแขนงสั้น ๆ ยาวได้ถึง 5 ซม. ดอกหนาแน่น   แสงระวี
                    ใบประดับขนาดเล็กรูปสามเหลี่ยม ก้านดอกยาว 1-2 ซม. ใบประดับย่อยติดบน  Colquhounia elegans Wall. ex Benth.
                    ก้านดอก ตาดอกรูปรี ยาว 6-10 มม. ฐานดอกสั้น กลีบเลี้ยงสั้นกว่ากลีบดอกเล็กน้อย   ไม้พุ่ม สูง 1-3 ม. มีขนสั้นนุ่มสีน�้าตาลแดงตามกิ่ง แผ่นใบ ช่อดอก กลีบเลี้ยง
                    ปลายแยกเป็น 3-5 แฉก ตื้น ๆ ดอกสีขาว กลีบรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 1 ซม.   และกลีบดอกด้านนอก ใบรูปรีหรือรูปขอบขนาน ยาว 4.5-8.5 ซม. ปลายแหลมยาว
                    ก้านกลีบสั้นมาก เกสรเพศผู้ 10 อัน เรียง 2 วง สั้นกว่ากลีบดอก วงนอกยาวกว่า  โคนแหลม มน หรือกลม ขอบจักมนเป็นติ่ง ใบประดับคล้ายใบ รูปไข่ ยาว 2-3 ซม.
                    วงในเล็กน้อย อับเรณูยาวประมาณ 2 มม. เป็นหมันในดอกเพศเมีย รังไข่มีขนสั้นนุ่ม   ใบประดับย่อยยาว 2-3 มม. ก้านดอกยาว 1-2 มม. กลีบเลี้ยงรูประฆัง ยาว 0.6-1 ซม.
                    มีก้านสั้น ๆ ยอดเกสรเพศเมียรูปจาน ฝักรูปแถบ แบน ยาว 20-25 ซม. ปลายมี  กลีบรูปสามเหลี่ยม ยาว 2-3 มม. ดอกสีแดงหรืออมสีเหลือง ยาว 2.5-2.8 ซม.
                    จะงอย มี 10-30 เมล็ด เมล็ดรูปขอบขนาน (ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ ชงโค, สกุล)  หลอดกลีบดอกยาวประมาณ 2.3 ซม. ปากบนรูปขอบขนาน ปลายมนหรือเว้าตื้น ๆ
                       พบที่อินเดีย พม่า ภูมิภาคอินโดจีน ชวา และฟิลิปปินส์ ในไทยพบทุกภาค   รังไข่มีตุ่มกระจาย
                    ภาคใต้ถึงชุมพร ขึ้นตามชายป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง และป่าดิบชื้น ความสูงถึง  พบที่พม่า จีน และภูมิภาคอินโดจีน ในไทยส่วนมากพบทางภาคเหนือ และ
                    ประมาณ 400 เมตร ดอกแก้ปวดท้อง แก้บิด ใบมีสรรพคุณกระตุ้นก�าหนัด แก้ไข้   ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เลย ขึ้นตามชายป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา หรือบนเขาหินปูน
                    เปลือกใช้พอกแผลสด                                   ความสูงถึงประมาณ 2000 เมตร แยกเป็น var. tenuiflora (Hook. f.) Prain
                                                                        ส่วนต่าง ๆ มีขนประปราย กลีบเลี้ยงสั้นกว่า
                      เอกสารอ้างอิง
                       Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae.   เอกสารอ้างอิง
                          In Flora of Thailand Vol. 4(1): 19-20.           Li, X.W. and I.C. Hedge. (1994). Lamiaceae. In Flora of China Vol. 17: 185-186.

                                                                                                                    429






        59-02-089_399-488_Ency_new1-3_J-Coated.indd   429                                                                 3/1/16   6:26 PM
   444   445   446   447   448   449   450   451   452   453   454