Page 491 - สารานุกรมพืช ในประเทศไทย (ฉบับย่อ) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ E-BOOK โดย พระครูโสภณวีรานุวัตร, ดร. วัดป่า สุพรรณบุรี.
P. 491
สารานุกรมพืชในประเทศไทย
เหลืองสยาม, สกุล เหียง
Lysimachia L.
วงศ์ Primulaceae
ไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่ม กิ่งมักมีต่อมใสหรือมีสี ใบเรียงเวียน เรียงตรงข้าม หรือ
เรียงรอบข้อ ดอกออกเดี่ยว ๆ ออกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนง ช่อกระจะ ช่อซี่ร่ม
หรือคล้ายช่อกระจุกแน่น กลีบเลี้ยงและกลีบดอกจ�านวนอย่างละ 5 กลีบ กลีบเลี้ยง
แฉกลึก ติดทน ดอกรูปกงล้อหรือรูประฆัง หลอดกลีบดอกสั้น กลีบบิดเวียนใน
ตาดอก เกสรเพศผู้ 5 อัน ติดตรงข้ามกลีบดอก แยกกันหรือเชื่อมติดกันที่โคนแนบ
ติดหลอดกลีบดอก อับเรณูมีรูเปิดที่ปลายหรือแตกตามยาว รังไข่มีช่องเดียว
พลาเซนตารอบแกน ยอดเกสรเพศเมียขนาดเล็ก ผลแห้งแตก กลม ๆ มีหลายเมล็ด
สกุล Lysimachia มีประมาณ 180 ชนิด ส่วนใหญ่พบในเขตอบอุ่น ในไทยมี 14
ชนิด ชื่อสกุลตั้งตามกษัตริย์ Lysimachion หรือ Lysimachus ของอาณาจักร
เหลืองปรีดียาธร: ใบรูปฝ่ามือ เรียงตรงข้าม มีใบย่อย 5-9 ใบ ใบอ่อนสีน�้าตาลเข้ม ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนง Thrace กรีกโบราณ ผู้สามารถยุติความขัดแย้งที่รุนแรงได้ หรืออาจหมายถึงพืช
ออกที่ปลายกิ่ง ผลแห้งแตกเป็น 2 ซีก รูปขอบขนาน ไม่มีสัน เมล็ดบาง มีปีก (ภาพ: cultivated - RP)
บางชนิดใช้รักษากระดูกแตก
เหลืองพิศมร
Spathoglottis affinis de Vriese เหลืองสยาม
วงศ์ Orchidaceae Lysimachia congestiflora Hemsl.
กล้วยไม้ดิน ล�าลูกกล้วยรูปไข่ แบน เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 ซม. ใบพับจีบ ไม้ล้มลุก ล�าต้นทอดเลื้อย อาจสูงได้ถึง 50 ซม. มีขนยาว มีรากตามข้อ ใบเรียง
มี 2-4 ใบ รูปใบหอกหรือรูปแถบ ยาว 10-42 ซม. โคนสอบเรียว ช่อดอกแบบช่อกระจะ ตรงข้าม รูปไข่กว้าง ยาว 1-4.5 ซม. ปลายแหลมหรือมน โคนรูปลิ่มถึงกลม แผ่นใบ
ออกที่โคนล�าลูกกล้วย ช่อตั้งขึ้น มีขนสั้นนุ่ม ก้านช่อยาว 15-60 ซม. แกนช่อยาว มีขนและต่อมกระจาย เส้นแขนงใบข้างละ 2-4 เส้น ก้านใบยาวได้ถึง 2 ซม. ช่อดอก
แบบช่อกระจะสั้น ๆ คล้ายช่อกระจุก เรียงหนาแน่นช่วงปลายกิ่ง แต่ละช่อมี
5-20 ซม. มีได้ถึง 15 ดอก ใบประดับ 4-8 ใบ รูปใบหอก ยาว 0.5-3 ซม. ใบประดับ 2-4 ดอก ก้านดอกยาวประมาณ 2 มม. กลีบเลี้ยงรูปใบหอก ปลายแหลม ยาว
ที่มีดอกรูปไข่แกมรูปใบหอก ยาว 0.3-1 ซม. ดอกสีเหลือง กลีบเลี้ยงคู่ล่างและปุ่มนูน 5-8.5 มม. ด้านนอกมีขนประปราย กลีบดอกสีเหลือง โคนด้านในมีสีส้มอมแดง
โคนกลีบปาก (cali) มักมีปื้นสีแดง กลีบเลี้ยงรูปรี ยาว 1.5-2 ซม. ปลายแหลม กลีบรูปไข่ ยาว 7-9 มม. มีต่อมกระจาย ด้านนอกมีขนประปราย เกสรเพศผู้เชื่อม
กลีบดอกคล้ายกลีบเลี้ยง ขนาดเท่า ๆ กัน ปลายมน กลีบปากมี 3 พู พูกลางยาว ติดกันที่โคนประมาณ 2.5 มม. ก้านชูอับเรณูที่แยกยาว 2.5-4.5 มม. อับเรณู
1-1.8 ซม. โคนเรียวเป็นก้านยาวเท่า ๆ แผ่นกลีบรูปพัด พูข้างรูปรี ยาว 0.5-1 ซม. แตกด้านข้างตามยาว รังไข่มีขน ก้านเกสรเพศเมียยาว 5-7 มม. ยอดเกสรเป็นตุ่ม
โคนกลีบปากมีปุ่มนูนรูปกระบอง 2 ปุ่ม โคนเชื่อมติดกัน มีขนยาว เส้าเกสรเรียว ผลแห้งแตก เส้นผ่านศูนย์กลาง 3-4 มม. เมล็ดขนาดเล็ก
ยาว 1-1.4 ซม. กลุ่มเรณู 8 กลุ่ม แยกเป็น 2 กลุ่มย่อย ก้านและรังไข่ยาว 1.4-3.3 ซม.
พบที่อินเดีย เนปาล ภูฏาน จีนตอนใต้ พม่า เวียดนาม ในไทยพบทางภาคเหนือ
ฝักแห้งแตก รูปรี ยาว 1.8-3 ซม. ที่เชียงใหม่ ขึ้นตามทุ่งหญ้า ชายป่าดิบเขา ความสูงประมาณ 1200 เมตร เป็นไม้ประดับ
พบที่พม่า ภูมิภาคอินโดจีน คาบสมุทรมลายู ชวา และบอร์เนียว ในไทยพบ อาจใช้ชื่อ Lysimachia ‘procumbens’ มีหลายสายพันธุ์ ในจีนใช้รักษาแผล ช�้าบวม
ทุกภาค ขึ้นตามที่โล่ง ชายป่า ความสูง 1000-1200 เมตร กระดูกแตก และเคล็ดขัดยอก
สกุล Spathoglottis Blume อยู่ภายใต้วงศ์ย่อย Epidendroideae เผ่า Collabieae เอกสารอ้างอิง
มี ประมาณ 40 ชนิด พบในเอเชีย ออสเตรเลีย และหมู่เกาะแปซิฟิก ในไทยมี 7 Chi-Ming, H. (1999). Primulaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 160-161.
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
ชนิด ส่วนมากมีสีเหลืองหรือสีครีม มีดอกสีชมพู 2 ชนิด คือ ชมพูพิศมร S. Press, Honolulu, Hawai`i.
hardingiana C. S. P. Parish & Rchb. f. และว่านจุก S. plicata Blume และ
เป็นไม้ประดับหลากสายพันธุ์ ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก “spath” กาบ และ
“glotta” ลิ้น ตามลักษณะของกลีบปาก
เอกสารอ้างอิง
Chen, X. and A. Bell. (2009). Orchidaceae (Spathoglottis). In Flora of China
Vol. 25: 287.
Kurzweil, H. (2014). Orchidaceae (Spathoglottis). In Flora of Thailand Vol.
12(2): 621-631.
เหลืองสยาม: ช่อดอกแบบช่อกระจะสั้น ๆ คล้ายช่อกระจุก เรียงหนาแน่นช่วงปลายกิ่ง เกสรเพศผู้ 5 อัน เชื่อมติดกัน
ที่โคน อับเรณูแตกด้านข้างตามยาว (ภาพ: cultivated - RP)
เหียง
Dipterocarpus obtusifolius Teijsm. ex Miq.
วงศ์ Dipterocarpaceae
ไม้ต้นผลัดใบ สูงได้ถึง 30 ม. เปลือกแตกเป็นร่องลึกตามยาว มีขนยาวและ
ขนรูปดาวตามกิ่ง หูใบด้านนอก แผ่นใบด้านล่าง ก้านใบ ก้านดอก และกลีบเลี้ยง
เหลืองพิศมร: ใบพับจีบ ช่อดอกแบบช่อกระจะ มี 1-3 ช่อ ดอกสีเหลือง กลีบเลี้ยงคู่ล่างและปุ่มนูนโคนกลีบปาก ด้านนอก หรือเกลี้ยง หูใบรูปใบหอก ยาวได้ถึง 7 ซม. ใบรูปรี รูปขอบขนาน หรือ
มักมีปื้นสีแดง (ภาพซ้าย: ภูจองนายอย อุบลราชธานี - PK); ว่านจุก: ดอกสีชมพู (ภาพขวา: ชุมพร - RP) แกมรูปไข่ ยาว 10-30 ซม. ปลายมน โคนรูปลิ่มกว้างหรือเว้าตื้น เส้นแขนงใบข้างละ
471
59-02-089_399-488_Ency_new1-3_J-Coated.indd 471 3/1/16 6:32 PM