Page 495 - สารานุกรมพืช ในประเทศไทย (ฉบับย่อ) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ E-BOOK โดย พระครูโสภณวีรานุวัตร, ดร. วัดป่า สุพรรณบุรี.
P. 495

อังกาบหนู  สารานุกรมพืชในประเทศไทย  อั้ว
                                                                        Barleria prionitis L.
                                                                           ไม้พุ่ม สูง 1-1.5 ม. เกลี้ยง มีหนามรอบข้อ ยาว 1-2 ซม. ใบรูปรี รูปไข่ หรือ
                                                                        รูปขอบขนาน ยาว 4-12 ซม. ปลายแหลม มีติ่งแหลม โคนสอบเรียว ขอบมีขนแข็ง
                                                                        แผ่นใบด้านล่างมีขนสั้นนุ่ม ก้านใบยาวได้ถึง 2.5 ซม. ช่อดอกออกตามซอกใบใกล้
                                                                        ปลายกิ่งคล้ายช่อเชิงลดสั้น ๆ ใบประดับรูปแถบ ยาวประมาณ 1 ซม. ใบประดับย่อย
                                                                        เป็นหนาม ติดทน ยาว 1-1.5 ซม. กลีบเลี้ยงคู่นอกยาวประมาณ 1.5 ซม. ปลายมี
                                                                        ติ่งหนาม กลีบคู่ในรูปไข่ ปลายแหลมยาว ดอกสีเหลืองอมส้ม หลอดกลีบดอกยาว
                                                                        2-2.5 ซม. กลีบบนยาวเท่า ๆ หลอดกลีบดอก กลีบล่างขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย
                                                                        เกสรเพศผู้ 2 อัน ยื่นเลยปากหลอดกลีบเล็กน้อย เป็นหมัน 2 อัน ก้านเกสรเพศเมีย
                                                                        ยาวกว่าเกสรเพศผู้ ผลรูปไข่แกมรูปขอบขนาน ยาว 1.5-2 ซม. ปลายมีจะงอย
                                                                        เมล็ดแบน รูปไข่ ยาว 5-7 มม. มีขนคล้ายไหม

                      อรพิม: ใบประกอบมี 2 ใบย่อย เรียงเวียน ฐานดอกมีขนสั้นนุ่มสีน�้าตาล มีริ้ว กลีบเลี้ยงแฉกลึกจรดโคน กลีบดอก  พบทั่วไปในแอฟริกา เป็นวัชพืชในเอเชียเขตร้อน ขึ้นหนาแน่นตามเขาหินปูน
                    กลีบหน้ามีสีเหลืองอ่อนแซม อับเรณูสีน�้าตาล ฝักบาง บิดงอเล็กน้อย (ภาพ: พระพุทธบาท สระบุรี - RP)  ที่แห้งแล้ง พบมากทางภาคตะวันตกเฉียงใต้และภาคใต้ ทุกส่วนมีสรรพคุณด้าน
                                                                        สมุนไพรหลายอย่าง โดยเฉพาะแก้ปวดฟัน มีความผันแปรสูง แยกเป็นหลายชนิดย่อย
                    อังกาบ, สกุล                                        ตามลักษณะช่อดอก สิ่งปกคลุมบนดอกและผล และความยาวของหนาม
                    Barleria L.
                    วงศ์ Acanthaceae                                      เอกสารอ้างอิง
                                                                           Bremekamp, C.E.B. (1961). Scrophulariaceae, Nelsonieae, Thunbergiaceae,
                       ไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่ม มีหนามหรือไม่มี ใบเรียงตรงข้าม ขอบเรียบ แผ่นใบมีผลึก  Acanthaceae. Dansk Botanisk Arkiv 20(1): 65.
                    ซิสโทลิทกระจาย ช่อดอกแบบช่อกระจุก ออกตามซอกใบ หรือคล้ายช่อเชิงลด  Hu, J.Q. and T.F. Daniel. (2011). Acanthaceae (Barleria). In Flora of China Vol.
                                                                              19: 468-469.
                    ออกที่ปลายกิ่ง ใบประดับคล้ายใบ กลีบเลี้ยง 4 กลีบ เรียงซ้อนเหลื่อม ดอกรูปแตร  Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
                    หรือรูปดอกเข็ม สมมาตรด้านข้าง กลีบบน 4 กลีบ เรียงซ้อนเหลื่อม กลีบล่าง   Press, Honolulu, Hawai`i.
                    1 กลีบ ส่วนมากแผ่กว้างกว่ากลีบบนเล็กน้อย เกสรเพศผู้ 2 อัน หรือมี 2 คู่ไม่เท่ากัน   Wood, J.R.I., D. Hillcoat and R.K. Brummitt. (1983). Notes on the types of some
                                                                              names of Arabian Acanthaceae in Forsskal herbarium. Kew Bulletin 38:
                    หรือ 2 อันเป็นหมัน โคนก้านชูอับเรณูมีขน บางครั้งมีเกสรเพศผู้เป็นหมัน 1 อัน   436-442.
                    รังไข่มี 2 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 2 เม็ด ก้านเกสรเพศเมียเรียวยาว ยอดเกสรแยก
                    2 พูหรือเรียบ เมล็ดส่วนมากมีขนที่ไวต่อความชื้น (hygroscopic hairs)

                       สกุล Barleria มีประมาณ 230 ชนิด ส่วนใหญ่พบในแอฟริกาและเอเชีย ในไทย
                       มีพืชพื้นเมืองมากกว่า 5 ชนิด เป็นวัชพืชและไม้ประดับ 3-4 ชนิด ชื่อสกุลตั้งตาม
                       นักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส Jacques Barrelier (1606-1673)

                    อังกาบ
                    Barleria cristata L.
                       ไม้พุ่ม สูง 1-1.5 ม. มีขนสั้นนุ่มตามล�าต้นโดยเฉพาะตามข้อและเส้นแขนงใบ
                    ใบรูปรีถึงรูปใบหอก ยาว 3-12 ซม. ปลายแหลมหรือแหลมยาว โคนสอบเรียว ก้านใบ
                    ยาวได้ถึง 2 ซม. ใบตามกิ่งสั้นขนาดเล็ก ช่อดอกแบบช่อกระจุกออกตามซอกใบหรือ
                    คล้ายช่อเชิงลดที่ปลายกิ่ง ใบประดับรูปขอบขนานหรือรูปใบหอก ยาว 0.8-1.5 ซม.
                    กลีบเลี้ยงขอบจักเป็นติ่งหนาม ปลายแหลมยาว คู่นอกรูปไข่แกมรูปขอบขนาน ยาว   อังกาบ: กลีบเลี้ยงขอบจักเป็นติ่งหนาม ช่อดอกแบบช่อกระจุก ออกตามซอกใบ (ภาพซ้ายบน: cultivated - RP);
                    1.5-2 ซม. คู่ในรูปใบหอก ยาว 6-7 มม. ดอกสีม่วง ชมพู หรือขาว หลอดกลีบดอก  อังกาบแดง: ใบขนาดเล็ก ดอกสีปูนแห้งอมแดง (ภาพขวา: cultivated - RP); อังกาบหนู: ช่อดอกออกตามซอกใบใกล้
                    ยาว 3-4 ซม. กลีบบนรูปไข่กลับ ยาวประมาณ 2 ซม. เกสรเพศผู้ 2 คู่ไม่เท่ากัน   ปลายกิ่งคล้ายช่อเชิงลด ใบประดับย่อยเป็นหนาม ดอกสีเหลืองอมส้ม กลีบบนยาวเท่า ๆ หลอดกลีบดอก (ภาพซ้ายล่าง:
                    อันยาวยื่นเลยปากหลอดกลีบ ก้านเกสรเพศเมียยาวได้ถึง 4 ซม. ผลรูปรี ยาว 1.5-2 ซม.   เพชรบุรี - RP)
                    เรียวแหลมทั้งสองด้าน เมล็ดแบน เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4 มม. มีขน  อั้ว
                       พบที่อินเดีย ปากีสถาน ศรีลังกา เนปาล บังกลาเทศ จีนตอนใต้ พม่า ภูมิภาค  Calanthe triplicata (Willemet) Ames
                    อินโดจีน และฟิลิปปินส์ ในไทยพบทุกภาค ภาคใต้ถึงชุมพร ขึ้นตามป่าเบญจพรรณ    วงศ์ Orchidaceae
                    ป่าเต็งรัง และป่าดิบแล้ง ความสูงถึงประมาณ 1000 เมตร เป็นไม้ประดับ มีสรรพคุณ  ชื่อพ้อง Orchis triplicata Willemet
                    ลดการอักเสบ บรรเทาอาการหมดสติจากภาวะน�้าตาลลด และอาการเกร็ง
                                                                           กล้วยไม้ดิน มี 2-8 ใบ รูปรีหรือรูปขอบขนาน ยาว 15-70 ซม. ปลายแหลมยาว
                    อังกาบแดง                                           โคนสอบเรียวเป็นก้านใบ ยาว 5-26 ซม. แผ่นใบด้านล่างมีขนสั้นนุ่ม ก้านช่อดอกยาว
                                                                        45-130 ซม. แกนช่อยาว 4-20 ซม. มีขนละเอียดหนาแน่นหรือเกลี้ยง ใบประดับ
                    Barleria repens Nees                                รูปใบหอก ยาว 1-3.3 ซม. ติดทน ก้านดอกรวมรังไข่ยาว 3-6 ซม. มีขนละเอียด
                       ไม้พุ่มทอดนอน สูงได้ถึง 1.5 ม. ใบขนาดเล็ก รูปรี ยาว 2-5 ซม. ปลายแหลมหรือ  ดอกสีขาว กลีบปากมีสีเหลืองหรือแดงแต้มที่โคน ด้านนอกมีขนประปราย กลีบเลี้ยง
                    กลม โคนสอบเรียว ช่อดอกมี 1-2 ดอก ใบประดับรูปไข่ ขยายและหุ้มผล กลีบเลี้ยง  รูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ยาว 1-1.8 ซม. ปลายแหลม กลีบดอกคล้ายกลีบเลี้ยง
                    รูปไข่ ปลายแหลม ยาวประมาณ 2 ซม. มีขนกระจาย คู่นอกมีขนาดใหญ่กว่าคู่ใน  ปลายมนหรือตัด กลีบปากปลายจักลึก 3 พู ยาว 1.5-2.2 ซม. พูข้างรูปขอบขนาน
                    เล็กน้อย ดอกสีปูนแห้งอมแดง หลอดกลีบดอกยาวประมาณ 4-5 ซม. กลีบบน  ยาว 0.5-1 ซม. พูกลางแยก 2 แฉก แฉกยาว 5-8 มม. เดือยเรียว ยาว 1.5-4.5 ซม.
                    รูปไข่ ยาว 1-1.5 ซม. เกสรเพศผู้ 2 คู่ไม่เท่ากัน อันยาวยื่นเลยปากหลอดกลีบ ผลยาว   เส้าเกสรยาวประมาณ 8 มม. (ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ เอื้องน�้าต้น, สกุล)
                    1.5-2 ซม. มี 2 หรือ 4 เมล็ด แบน เส้นผ่านศูนย์กลาง 6-7 มม.   พบที่มาดากัสการ์ อินเดีย พม่า ภูมิภาคอินโดจีนและมาเลเซีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย
                       มีถิ่นก�าเนิดในแอฟริกาตอนใต้ เป็นไม้ประดับทั่วไปในเขตร้อน บางครั้งกลาย  และหมู่เกาะแปซิฟิก ในไทยพบทุกภาค ขึ้นตามป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา และป่าดิบชื้น
                    เป็นวัชพืช                                          ความสูง 200-1400 เมตร

                                                                                                                    475






        59-02-089_399-488_Ency_new1-3_J-Coated.indd   475                                                                 3/1/16   6:33 PM
   490   491   492   493   494   495   496   497   498   499   500