Page 498 - สารานุกรมพืช ในประเทศไทย (ฉบับย่อ) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ E-BOOK โดย พระครูโสภณวีรานุวัตร, ดร. วัดป่า สุพรรณบุรี.
P. 498
อุตพิดหิน
อุตพิดหิน สารานุกรมพืชในประเทศไทย
Cryptocoryne albida R. Parker
วงศ์ Araceae
ไม้ล้มลุกขึ้นในน�้า มีเหง้าและไหล มีเกล็ดหุ้มยอดในต้นที่มีดอก ใบสีเขียวหรือ
มีปื้นน�้าตาล รูปใบหอกหรือรูปแถบ ยาว 10-30 ซม. ปลายแหลม โคนสอบเรียว
จรดก้านใบ ก้านใบสั้น ช่อดอกแบบช่อเชิงลดมีกาบ กาบหุ้มช่อสีครีมอมน�้าตาล ยาว
10-20 ซม. โคนหลอดกาบเชื่อมติดกัน (kettle) ยาว 0.8-1.5 ซม. มีก้านสั้น ๆ
หลอดกาบช่วงบนยาว 5-15 ซม. ปลายบานออก ยาว 1-4 ซม. บิดเวียน พับงอกลับ
ไม่มีช่วงคอกาบ (collar) ช่อดอกเชิงลดขนาดเล็ก ติดภายในโคนหลอดกาบ อู่ชด: ใบเรียงเวียนเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง รูปไข่กลับหรือรูปรี ผลรูปรีหรือรูปไข่ เปลือกเรียบ แบนด้านข้างเล็กน้อย
ดอกเพศผู้จ�านวนมากอยู่ช่วงบน ปลายช่อมีรยางค์ขนาดเล็ก อับเรณูมี 2 พู มีเขา (ภาพ: เขาพนมเบญจา กระบี่ - SR)
สั้น ๆ ดอกเพศเมียอยู่ช่วงล่าง มี 4-7 ดอก เชื่อมติดกันเป็นวงเดียว ยอดเกสรตั้งขึ้น เอ็นลื่น
รูปไข่ ยอดเกสรโค้งออก ช่วงเปลือยเรียวยาว ผลรูปรีกว้าง ดูคล้ายผลรวม มี 1 หรือ
หลายผล ยาว 1-1.5 ซม. รวมก้านหนา แต่ละผลแตกเป็นซีก เมล็ดสีน�้าตาลจ�านวนมาก Merremia peltata (L.) Merr.
ผิวย่น ยาว 5-8 มม. วงศ์ Convolvulaceae
พบที่พม่าตอนใต้ ในไทยพบทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ และภาคใต้ ขึ้นตามพื้น ชื่อพ้อง Convolvulus peltatus L.
ทรายหรือก้อนหิน ริมล�าธารหรือในล�าธาร ในป่าดิบชื้น ความสูงระดับต�่า ๆ ไม้ล้มลุกเถา ยาวได้ถึง 30 ม. ล�าต้นเกลี้ยง ใบแบบก้นปิด รูปไข่กว้างเกือบกลม
ยาว 7-30 ซม. ปลายแหลมยาวหรือมีติ่งแหลม โคนมนหรือกลม ก้านใบยาวได้ถึง
สกุล Cryptocoryne Fisch. ex Wydl. อยู่ภายใต้วงศ์ย่อย Aroideae เผ่า 20 ซม. ช่อดอกแบบช่อเชิงหลั่น ยาวได้ถึง 40 ซม. ก้านช่อยาว 5-15 ซม. ก้านดอก
Cryptocoryneae มีประมาณ 60 ชนิด พบในเอเชียเขตร้อน ทุกชนิดเป็นพืชน้ำา ยาว 1.5-2.5 ซม. ปลายก้านหนา กลีบเลี้ยงปลายมนมีติ่งแหลม กลีบนอก 3 กลีบ
หรือสะเทินน้ำาสะเทินบก (amphibious) ในไทยมี 8 ชนิด ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก รูปไข่ ยาว 1.8-2.5 ซม. กลีบคู่ในรูปขอบขนานแกมรูปไข่ ยาวเท่าๆ กลีบนอกแต่
“kryptos” ซ่อน และ “koryne” กระบอง ตามรูปร่างของช่อดอกและช่อผลรูป บางกว่า ดอกรูปปากแตร สีเหลืองเข้ม ยาว 4-6 ซม. ก้านชูอับเรณูมีขนช่วงโคน
กระบองมีกาบหุ้ม อับเรณูบิดเวียน ปลายมีกระจุกขน รังไข่เกลี้ยง ผลรูปไข่กว้าง ยาว 2.5-3 ซม.
เอกสารอ้างอิง เมล็ดรูปคล้ายสามเหลี่ยม ยาว 6-8 มม. มีขนยาวสีน�้าตาลหนาแน่น (ดูข้อมูล
Jacobsen, N., T. Idei and D. Sookchaloem. (2012). Araceae (Cryptocoryne). In เพิ่มเติมที่ จิงจ้อเหลือง, สกุล)
Flora of Thailand Vol. 11(2): 218-232.
พบที่แอฟริกาตะวันออก มาดากัสการ์ ภูมิภาคมาเลเซีย และออสเตรเลีย ในไทย
พบทางภาคใต้ที่นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต พังงา นราธิวาส ขึ้นตาม
ชายป่าดิบชื้น ความสูงถึงประมาณ 150 เมตร ในบางพื้นที่ขึ้นเป็นวัชพืช ดอกมีทั้ง
สีขาวและสีเหลือง ในไทยพบเฉพาะสีเหลือง น�้ายางขาวใช้ทาแผลสด แผลน�้าร้อนลวก
และเป็นยาระบาย
เอกสารอ้างอิง
Hoogland, R.D. (1953). Convolvulaceae. In Flora Malesiana Vol. 4: 452-453.
Staples, G. (2010). Convolvulaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(3): 439-440.
อุตพิดหิน: ใบรูปใบหอกหรือรูปแถบ ช่อดอกแบบช่อเชิงลดมีกาบ ปลายกาบหุ้มช่อดอกบิดเวียน (ภาพ: คลองพนม
สุราษฎร์ธานี - RP)
อู่ชด
Terminalia foetidissima Griff.
วงศ์ Combretaceae
ชื่อพ้อง Myrobalanus foetidissima (Griff.) Kuntze
ไม้ต้น สูง 30-40 ม. เปลือกแตกเป็นร่องตามยาว เปลือกในสีครีม มีขนสั้นนุ่ม
เอ็นลื่น: ใบแบบก้นปิด ช่อดอกแบบช่อเชิงหลั่น กลีบดอกสีเหลืองเข้ม รูปปากแตร อับเรณูบิดเวียน ปลายมีกระจุกขน
ตามกิ่งอ่อน ช่อดอก ใบประดับ กลีบเลี้ยงด้านนอก จานฐานดอก และรังไข่ (ภาพ: ท่าศาลา นครศรีธรรมราช - RP)
ใบเรียงเวียนเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง รูปไข่กลับหรือรูปรี ยาว 5-18 ซม. ปลายแหลม
มีติ่งสั้น ๆ หรือมน โคนรูปลิ่ม แผ่นใบด้านล่างมีนวล ก้านใบยาว 1.5-2.2 ซม. เอนอ้า, สกุล
มีต่อม 2 ต่อมบนก้านใกล้โคนใบ และต่อมตามซอกเส้นแขนงใบ ช่อดอกแบบ Osbeckia L.
ช่อเชิงลด ออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ยาว 6-12 ซม. ดอกสีเหลืองเข้ม มีกลิ่นเหม็น วงศ์ Melastomataceae
ใบประดับรูปเส้นด้าย ไม่มีกลีบดอก หลอดกลีบเลี้ยงยาวประมาณ 1 มม. ปลายแยก
5 กลีบ รูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก ปลายกลีบโค้งลง ด้านในมีขนยาว เกสรเพศผู้ยาว ไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่ม ล�าต้นและกิ่งมักเป็นเหลี่ยม ส่วนมากมีขนสั้นนุ่ม ใบส่วนมาก
3-4 มม. ก้านยอดเกสรเพศเมียสั้นกว่าเกสรเพศผู้ ผลผนังชั้นในแข็ง รูปรีหรือรูปไข่ เรียงตรงข้าม ขอบเรียบ เส้นโคนใบข้างละ 1-3 เส้น เส้นใบย่อยเรียงขนานกันคล้าย
ยาว 3-4 ซม. เปลือกเรียบ เกลี้ยง แบนทางด้านข้างเล็กน้อย ผลแก่เป็นสันย่น ขั้นบันได ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนงหรือช่อกระจุกแน่น ออกตามปลายกิ่ง
ส่วนมากมีเมล็ดเดียว รูปรี ยาว 1.5-2 ซม. ผิวเมล็ดย่น (ดูข้อมูลเพิ่มเติ่มที่ สมอ, สกุล) กลีบดอกและกลีบเลี้ยงจ�านวนอย่างละ 4-5 กลีบ ขอบส่วนมากมีขนครุยหรือขนแข็ง
กลีบเลี้ยงขนาดเล็ก ติดบนฐานดอกรูปถ้วยหรือรูปคนโท ดอกสีชมพูอมม่วง กลีบดอก
พบที่พม่า เวียดนาม มาเลเซีย สุมาตรา และ ฟิลิปปินส์ ในไทยพบทางภาคใต้ ส่วนมากรูปไข่กลับ เกสรเพศผู้มี 8 หรือ 10 อัน เรียง 2 วง อับเรณูรูปขอบขนาน
ขึ้นตามป่าดิบชื้น ความสูงระดับต�่า ๆ ขนาดเท่า ๆ กัน ปลายเป็นจะงอย มีรูเปิดที่ปลาย โคนแกนอับเรณูมักมีรยางค์สั้น ๆ
เอกสารอ้างอิง รังไข่กึ่งใต้วงกลีบ มีผนังกั้น 8 หรือ 10 อัน แนบติดฐานดอกเกินกึ่งหนึ่ง มี 4-5 ช่อง
Exell, A.W. (1954). Combretaceae. In Flora Malesiana Vol. 4: 577. ปลายรังไข่มักมีขนแข็ง พลาเซนตารอบแกนร่วม ก้านเกสรเพศเมียรูปเส้นด้าย
Nanakorn, W. (1985). The genus Terminalia (Combretaceae) in Thailand. Thai โค้งงอ ยาวกว่าเกสรเพศผู้ ผลแห้งแตกที่ปลายเป็น 4-5 ช่อง เมล็ดจ�านวนมาก
Forest Bulletin (Botany) 15: 67-69. ขนาดเล็ก รูปก้นหอย
478
59-02-089_399-488_Ency_new1-3_J-Coated.indd 478 3/1/16 6:34 PM