Page 131 - E-Book คู่มือการปฏิบัติงานล่าม เพื่อการคุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์
P. 131
ก�รรับมือกับสถ�นก�รณ์ยุ่งย�ก
• เมื่อล่ามถูกขอให้แปลคำาต่อคำา หากมีเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ
ในการสัมภาษณ์กำาหนดให้ใช้วิธีการแปลคำาต่อคำา ล่ามสามารถแนะนำา
ได้ว่าวิธีการนี้เหมาะสำาหรับการแปลความที่อธิบายประโยคง่ายๆ เช่น
ในกระบวนการทางกฎหมาย หรือข้อความที่เป็นข้อเท็จจริง หากต้องมี
การแปลโดยมีการใช้สำานวนในการสื่อภาษาแล้ว อาจจำาเป็นต้องละเว้นไว้
เนื่องจากอาจไม่สามารถแปลได้ตามคำาต่อคำา ซึ่งไม่ทำาให้ทราบถึงความหมาย
ที่แท้จริงได้ ล่ามจึงควรใช้วิธีการแปลคำาต่อคำาอย่างระมัดระวัง แม้ว่าวิธีการนี้
นิยมใช้ในบริบททางกฎหมาย เช่น ในห้องพิจารณาคดีของศาล หรือ
การสัมภาษณ์เพื่อพิจารณาตัดสินใจในการชี้ว่าผู้ได้รับการสัมภาษณ์
เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์หรือไม่ การแปลแบบคำาต่อคำาอาจนำาไปสู่
การเข้าใจความหมายที่ผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่คู่สนทนา
ไม่รู้เกี่ยวกับการใช้สำานวนภาษาของอีกฝ่ายหนึ่ง ที่บางครั้งล่าม
ไม่อาจสามารถแปลตรงตัวได้ เพราะในการแปลยังไงก็ไม่สามารถแปล
แบบคำาต่อคำาได้อยู่แล้ว เช่นภาษาพม่าที่คำากริยาอยู่ท้ายประโยค ยังไงก็ต้อง
เอากริยามาไว้ในตำาแหน่งปกติในภาษาไทย ภาษายุโรปบางคู่ภาษามันใกล้กัน
มากอาจพอแปลกันคำาต่อคำาได้ หรือภาษาไทยกับลาวอาจแปลคำาต่อคำาได้
แต่ปกตินักแปลและล่ามจะถูกสอนอยู่แล้วว่าไม่ให้แปลคำาต่อคำา แต่ต้องแปล
ความหมายต่อความหมาย
• การแปลสำานวนภาษา ควรแปลอย่างไร การแปลสำานวนต่างๆ
หากในอีกภาษาหนึ่งมีสำานวนใกล้เคียงที่มีความหมายเดียวกัน ก็ให้แปล
สำานวนด้วยสำานวน แต่หากไม่มี หรือมีแต่มีความหมายหรือบริบทการใช้
ที่แตกต่างออกไป ก็ไม่ควรแปลด้วยสำานวนนั้น แต่ให้ใช้คำาอธิบายธรรมดาแทน
คู่มือการปฏิบัติงานล่ามเพื่อการคุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ 129