Page 60 - 17_หลกการสอสารและการสรางความสมพนธกบประชาชน_Neat
P. 60

๕๑




                 ซึ่งปญหาตางๆ มากมายและอาจทําใหงานที่รวมกันปฏิบัตินั้นลมเหลวลงได อยางไรก็ตามความขัดแยง
                 ก็ไมใชเปนผลดานลบเพียงอยางเดียว ความขัดแยงที่เหมาะสมจะนํามาซึ่งการวิเคราะหและจุดประกาย

                 ความคิดสรางสรรคเพื่อพัฒนางานนั้น ทั้งนี้อาจสรุปความหมายของความขัดแยงไดวา เปนภาวะที่เกิด
                 ความไมลงรอยหรือสภาพการณที่บุคคลไมพอใจคับของใจตอบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือในกลุมสมาชิก

                 ผูรวมงาน เมื่อบุคคลตองดําเนินกิจกรรมรวมกันมักจะเกิดการกระทบกระทั่งกันนํามาซึ่งปญหา
                 ความขัดแยงอยูเสมอ สรุปสาเหตุของความขัดแยงไดดังนี้

                             ๑.  ความไมพอใจในความคิดเห็นหรือการกระทําของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งอาจจะ
                 ขัดกับความคิดเห็นของตนเอง แลวเรายอมรับไมได

                             ๒.  การยึดมั่นถือมั่นในตนเอง ปญหาสําคัญของความขัดแยงในการทํางานเปนทีม
                 ที่แกไขไดยากประการหนึ่งคือ มนุษยทุกคนมักจะยึดถือความคิดเห็นของตนเองเปนสําคัญ มั่นใจ

                 และเชื่อมั่นในความคิดตนเอง เมื่อเกิดการกระทบกระทั่งก็ไมยอม กลับคิดวาเปนการเสียหนา ดังนั้น
                 เมื่อตองทํางานรวมกันอีกก็มักจะไมใหความรวมมือหรือขัดขวางการทํางาน เปนตน
                             ๓.  ผลประโยชน เมื่อใดก็ตามที่มีผลประโยชนเขามาเกี่ยวของกับการทํางาน โดยเฉพาะ

                 เรื่องเงินมักจะนํามาซึ่งความขัดแยง ทั้งนี้เพราะมนุษยสวนใหญมักตองการผลประโยชน มีความโลภอยากได
                 ดังนั้นเมื่อตนเองรูสึกวาเสียเปรียบหรือไมไดผลประโยชนตามที่คิดก็จะไมพอใจ นํามาซึ่งความขัดแยง

                             ๔.  อุดมการณหรือแนวคิดเปาหมายที่แตกตาง โดยปกติมนุษยจะไดรับการอบรมเลี้ยงดู
                 ที่แตกตางกัน ดังนั้นแตละบุคคลจะมีแนวคิดหรือจุดยืนที่แตกตางกัน ดังนั้นหากปฏิบัติงานรวมกันแลว

                 แสดงแนวคิดหรือจุดยืนที่แตกตางก็อาจนํามาซึ่งความขัดแยงไดเชนกัน
                             ๕.  การแขงขัน การมุงชิงดีชิงเดนกันหรือการปฏิบัติในภาวะที่รีบเรงแขงขันกับเวลา

                 ทุกอยางตองคุมคาไดกําไร ก็มักจะเกิดการกระทบกระทั่งกัน โดยเฉพาะเรื่องกิริยาทาทาง คําพูด
                 คําจาเปนเหตุใหเกิดความขัดแยงไมอยากรวมงานกัน

                             ๖.  ความสามารถหรือประสบการณแตกตาง เมื่อบุคคลมีประสบการณที่แตกตาง
                 ยอมมีการรับรูและความคิดที่แตกตางกัน ทั้งนี้บุคคลมักดําเนินกิจกรรมหรือแกไขปญหาตางๆ

                 จากประสบการณเดิม ผูที่มีประสบการณมากก็อาจมีแนวคิดหรือวิธีการปฏิบัติงานที่หลากหลาย
                 แตขณะที่คนที่มีประสบการณนอยก็จะมีวิธีการแกไขปญหาที่จํากัด เมื่อปฏิบัติผลงานออกมา

                 อาจสรางความไมพอใจแกกันได
                             ๗.  อคติ  โดยปกติบุคคลจะมีเจตคติเปนปจจัยสําคัญในการแสดงพฤติกรรม

                 หากบุคคลมีเจตคติที่ไมดีหรือมีอคติตอเพื่อนรวมงานแลวก็ยอมไมใหความสําคัญหรือความรวมมือ
                 ในการปฏิบัติงานนั้น ปญหาดังกลาวนํามาซึ่งความขัดแยงไดเชนกัน
   55   56   57   58   59   60   61   62   63   64   65