Page 120 - OB
P. 120

104    บทที่ 5



                            จำกตำรำงที่ 5.1  จะเห็นได้ว่ำ พนักงำนจะมีกำรเปรียบเทียบผลลัพธ์ที่ตนเอง
               ได้รับกับปัจจัยน ำเข้ำที่ตนเองได้ลงทุนหรือใส่เข้ำไปในกำรท ำงำน ระหว่ำงของตัวเรำเองกับของ

               คนอื่น ซึ่งในกรณีที่หนึ่งบุคคลเกิดกำรรับรู้ว่ำมีควำมไม่เท่ำเทียมกัน โดยของตัวเรำน้อยกว่ำของ

               คนอื่น กรณีที่สองบุคคลเกิดกำรรับรู้ว่ำมีควำมเท่ำเทียมกัน โดยของตัวเรำเท่ำกับของคนอื่น และ
               กรณีที่สำมบุคคลเกิดกำรรับรู้ว่ำมีควำมไม่เท่ำเทียมกัน โดยของตัวเรำมำกกว่ำของคนอื่น

                            ดังนั้น จำกที่กล่ำวมำปัญหำจะเกิดขึ้น เมื่อพนักงำนเกิดกำรรับรู้ถึงภำวะควำม

               ไม่เท่ำเทียมกันอย่ำงในกรณีที่หนึ่งและกรณีสำม ซึ่งจะส่งผลให้พนักงำนปรับเปลี่ยนปัจจัย
               น ำเข้ำที่ตนได้ลงทุนไปเพื่อเข้ำสู่ภำวะควำมเท่ำเทียมกับผลลัพธ์ที่ตนได้รับจำกองค์กำร เช่น

               กำรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในกำรท ำงำน โดยพนักงำนอำจลดควำมตั้งใจหรือใส่ใจกับงำน

               น้อยลง เกิดควำมเฉื่อยช้ำในกำรท ำงำน ท ำงำนเพียงแค่ให้เท่ำกับเงินเดือนที่ได้รับ หรือกำร
               บิดเบือนกำรรับรู้เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติในกำรท ำงำน โดยพนักงำนอำจคิดว่ำตนเองไม่มี

               ควำมสำมำรถพอ จึงได้เงินเดือนหรือผลตอบแทนน้อยกว่ำคนอื่น หรือคิดว่ำตนเองโชคไม่ดี

               ที่มำอยู่กับหัวหน้ำคนนี้ และคนอื่นได้ดีเพรำะสนิทสนมชอบประจบประแจงหัวหน้ำ เป็นต้น

               รวมถึงอำจถึงขั้นลำออกจำกงำนเพื่อหลีกหนีจำกสถำนกำรณ์ดังกล่ำวได้ นอกจำกนั้น หำกเป็น
               ในกรณีที่สำมที่พนักงำนรับรู้ว่ำตนได้รับผลประโยชน์มำกกว่ำผู้อื่น พนักงำนอำจจะแสดง

               พฤติกรรมในกำรท ำงำนเหมือนเดิม เพรำะเกิดกำรรับรู้ว่ำท ำแบบนี้แล้วจะได้ดี โดยไม่สนใจที่

               จะคิดปรับเปลี่ยนสถำนกำรณ์ให้เกิดควำมสมดุลเท่ำเทียมกัน ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่ำ ภำวะควำมไม่

               เท่ำเทียมกันทั้งในกรณีที่หนึ่งและกรณีสำม ต่ำงส่งผลกระทบต่อขวัญก ำลังใจในกำรท ำงำนของ
               พนักงำน โดยเฉพำะกับบุคคลที่มีควำมสำมำรถ มีพฤติกรรมในกำรท ำงำนที่พึงประสงค์ของ

               องค์กำร ตลอดจนท ำให้ประสิทธิภำพในกำรท ำงำนของพนักงำนและองค์กำรลดลง ซึ่งล้วนแต่

               เป็นผลกระทบในทำงลบต่อองค์กำรทั้งสิ้น
                            2.3  ทฤษฎีการตั้งเป้ าหมาย  (goal-setting  theory)  โดย Edwin  A.  Locke  and

               Gary P. Latham ได้ศึกษำและพัฒนำทฤษฎีกำรตั้งเป้ ำหมำย โดยมองว่ำกำรตั้งเป้ ำหมำยคือ กำร

               สร้ำงแรงผลักที่ท ำให้คนเกิดแรงจูงใจในกำรท ำงำน ตลอดจนท ำให้บุคคลเกิดควำมเชื่อมั่นใน
               ตนเองว่ำจะสำมำรถท ำงำนได้บรรลุเป้ำหมำย

                            โดยลักษณะของกำรตั้งเป้ ำหมำยที่ดี เพื่อช่วยสร้ำงให้พนักงำนเกิดแรงจูงใจใน

               กำรท ำงำนนั้น จะต้องประกอบด้วยลักษณะ 3 ข้อ ได้แก่ เป้ ำหมำยจะต้องมีควำมเฉพำะเจำะจง

               เป้ ำหมำยจะต้องมีควำมท้ำทำย และจะต้องมีกระบวนกำรให้ข้อมูลย้อนกลับแก่พนักงำนอย่ำง
               สม ่ำเสมอ ซึ่งมีรำยละเอียด ดังนี้
   115   116   117   118   119   120   121   122   123   124   125