Page 148 - OB
P. 148
132 บทที่ 6
3.3 ระยะการสร้างบรรทัดฐาน (norming) เป็นระยะของกำรสร้ำงกฎเกณฑ์หรือ
ก ำหนดแนวทำงกำรท ำงำนร่วมกันของสมำชิกภำยในกลุ่ม ซึ่งกฎเกณฑ์และแนวทำงกำรท ำงำน
ที่ก ำหนดจะกลำยเป็นบรรทัดฐำนของกลุ่มต่อไป นอกจำกนั้น ในระยะของกำรสร้ำงบรรทัด
ฐำนนี้สมำชิกในทีมจะต้องมีกำรเสียสละหรือลดควำมเป็นตัวเองลงบ้ำง โดยเปลี่ยนมำเป็นกำร
ให้ควำมส ำคัญกับเป้ ำหมำยหรือควำมส ำเร็จของทีม ซึ่งจะท ำให้กำรด ำเนินงำนเกิดกำรสอด
ประสำนพลังกันด้วยดี
3.4 ระยะการสร้างผลงาน (performing) เป็นระยะของกำรช่วยกันสร้ำงผลงำน
โดยสมำชิกในทีมต่ำงมีควำมผูกพันและเข้ำใจกัน มีควำมสำมัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ตลอดจนให้ควำมสนใจและรับผิดชอบทั้งผลงำนของตนเอง และผลงำนร่วมกันของกลุ่มด้วย
3.5 ระยะการแยกตัว (adjourning) เป็นระยะสุดท้ำยของวงจรกำรสร้ำงทีมงำน
โดยหลังจำกที่ทีมงำนประสบควำมส ำเร็จในเป้ ำหมำยร่วมกันแล้ว สมำชิกในทีมอำจมีกำรแยก
ย้ำยกลับไปปฏิบัติงำนตำมหน้ำที่เดิมของตนเอง หรือเข้ำร่วมเป็นสมำชิกของทีมงำนในกำร
แก้ไขปัญหำอื่นๆ ต่อไป
อย่ำงไรก็ตำม กำรสร้ำงทีมงำนขององค์กำรต่ำงๆ ในปัจจุบัน อำจมีได้เป็นไปตำม
พัฒนำกำรของกำรสร้ำงทีมงำน 5 ขั้นตอนดังที่ได้กล่ำวมำนั้นเสมอไป เช่น กำรสร้ำงทีมงำน
บำงกลุ่มอำจมิได้เริ่มด ำเนินกำรจำกขั้นตอนที่หนึ่ง เนื่องจำกสมำชิกในกลุ่มอำจรู้จักกันมำ
ก่อนที่จะรวมกลุ่มกันอยู่แล้ว หรือในกำรสร้ำงทีมงำนนั้น สมำชิกในกลุ่มอำจเกิดควำมขัดแย้ง
กันอย่ำงมำกจนต้องยุบหรือสลำยทีมงำน โดยสมำชิกยังไม่ได้ร่วมกันสร้ำงผลงำนในระยะที่สี่
เป็นต้น ดังนั้น ผู้บริหำรหรือนักบริหำรทรัพยำกรมนุษย์ที่ศึกษำ จึงควรน ำแบบจ ำลองพัฒนำ
ของกำรสร้ำงทีมงำนไปเป็นแนวทำงและประยุกต์ใช้ โดยปรับเพิ่มหรือลดขั้นตอนในกำรสร้ำง
ทีมงำนให้เหมำะสมกับบริบทแวดล้อมขององค์กำร
4. แนวทางการสร้างทีมงานที่มีประสิทธิภาพ
ส ำหรับแนวทำงในกำรสร้ำงทีมงำนที่มีประสิทธิภำพนั้น สำมำรถท ำได้
หลำกหลำยวิธีกำร โดย วิชัย อุตสำหจิต (2550, น. 23) ได้เสนอแนวทำงในกำรสร้ำงทีมงำนที่มี
ประสิทธิภำพอย่ำงน่ำสนใจ ซึ่งมีรำยละเอียด ดังนี้