Page 168 - OB
P. 168
152 บทที่ 7
หนึ่งได้ หากว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดหรือสื่อสารออกมาตรงๆ ซึ่ง รัตติกรณ์ จงวิศาล (2554, น. 235)
ได้ให้ค าแนะน าเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การที่เราจะเข้าใจผู้อื่นได้นั้น เราต้องมีการเอาใจเขามาใส่ใจเรา
(empathy) ซึ่งสามารถพัฒนาได้ด้วยการสังเกตอวัจนภาษาของผู้อื่นบ่อยๆ เช่น ภาษาท่าทาง
น ้าเสียง และสถานการณ์แวดล้อม หรือการจินตนาการว่าหากเราตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับ
เขา เราจะท าอย่างไร การสวมบทบาทต่างๆ ของผู้อื่น ตลอดจนการตั้งใจฟังผู้พูดด้วยความ
เคารพ ให้เกียรติ และเปิดใจรับฟังสิ่งที่ผู้พูดต้องการสื่อโดยไม่ด่วนตัดสินไปก่อน ซึ่งผู้เขียนเชื่อ
ว่าหากมีการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็จะสามารถช่วยให้การติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคลบรรลุผล
ส าเร็จ และช่วยสร้างให้เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคลต่อไปได้
จะเห็นได้ว่า การติดต่อสื่อสารเป็นเรื่องของทักษะ (communication skills) ซึ่งสามารถ
ฝึกฝนเพื่อให้เกิดความช านาญได้ ดังนั้น ผู้บริหาร หรือบุคคลต่างๆ ที่สนใจในด้านการติดต่อสื่อสาร
จ าเป็นที่จะต้องมีการฝึกฝนอย่างสม ่าเสมอ เปิดใจรับฟังความคิดเห็นสะท้อนกลับจากพนักงาน
ผู้ใต้บังคับบัญชา ตลอดจนน าข้อผิดพลาดจากการติดต่อสื่อสารที่เกิดขึ้นมาปรับปรุงเพื่อให้การ
ติดต่อสื่อสารในครั้งต่อไปมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การติดต่อสื่อสารในภาวะวิกฤต
การบริหารองค์การในยุคปัจจุบันนั้นจะต้องเผชิญกับปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมอัน
หลากหลายที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น จนอาจกล่าวได้ว่าความแน่นอนคือ
ความไม่แน่นอน โดยองค์การที่จะสามารถเติบโตและด ารงอยู่รอดได้อย่างยั่งยืนนั้น จ าเป็น
อย่างยิ่งที่จะต้องมีการวางแผนส ารองเพื่อรองรับกับเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์หรือที่เรียกว่า
ความเสี่ยงในกรณีต่างๆ เช่น ไฟไหม้โรงงาน พนักงานไม่พอใจเกิดการชุมนุมประท้วงนัดหยุด
งาน ผลกระทบจากความผิดพลาดในการท างานของพนักงาน หรือการด าเนินการขององค์การ
ที่ออกไปสู่สาธารณะชน หรือภัยจากการก่อการร้าย เป็นต้น โดยหนึ่งในเครื่องมือส าคัญส าหรับ
การบริหารจัดการภายใต้ความเสี่ยงหรือภาวะวิกฤตขององค์การให้ประสบผลส าเร็จก็คือ การ
จัดการการติดต่อสื่อสารในภาวะวิกฤต ซึ่งผู้เขียนได้สรุปหลักการส าคัญของการติดต่อสื่อสาร
ในภาวะวิกฤตเป็น 4 ข้อ หรือเรียกว่า “4ร” ดังนี้