Page 182 - OB
P. 182
166 บทที่ 8
ชื่นชอบให้งานส าเร็จตามแผนงานหรือเป้ าหมายที่วางไว้ โดยไม่ค่อยได้ใสใจในความรู้สึกของ
พนักงาน ซึ่งบางครั้งอาจจะถูกต่อต้านจากผู้ใต้บังคับบัญชาได้ ถ้าผู้น ามุ่งแต่ท างานหรือเผด็จ
การจนเกินไป
2.4.4 ระดับพฤติกรรมแบบ (5,5) เป็นผู้น าที่เดินสายกลาง (middle – of –
the – road management) ซึ่งเป็นผู้น าที่สนใจเรื่องงานในระดับปานกลาง กล่าวคือ ผลงานก็ท า
ได้แต่ไม่ถึงกับดีมากนัก ในทางกลับกัน ผู้น าก็สนใจเรื่องคนในระดับปานกลาง กล่าวคือ
พนักงานก็มีขวัญและก าลังใจในระดับหนึ่ง ดังนั้น ผู้น าประเภทนี้จึงควรส่งเสริมและให้โอกาส
ในการพัฒนาให้เป็นผู้น าที่มีความเป็นหัวหน้าทีมมากขึ้นได้
2.4.5 ระดับพฤติกรรมแบบ (9,9) เป็นผู้น าที่ให้ความสนใจทั้งคนและงาน
(team management) ซึ่งเป็นผู้น าที่สามารถสร้างบรรยากาศให้เกิดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
ภายในทีม ท าให้พนักงานมีขวัญและก าลังใจ มีความรักและความผูกพันกับองค์การ ช่วยให้
งานประสบผลส าเร็จตามเป้ าหมายที่ต้องการอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
3. แนวทางการศึกษาภาวะผู้น าตามสถานการณ์
แนวทางการศึกษาภาวะผู้น าตามสถานการณ์ (contingency approach) เป็นการศึกษา
ภาวะผู้น าที่เชื่อว่า ภาวะผู้น าจะมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลแตกต่างกันไปตามสถานการณ์
และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยผู้น าจะต้องประเมินสถานการณ์และตัดสินใจเลือก
แสดงพฤติกรรมที่สอดคล้องกับสถานการณ์แวดล้อมนั้นๆ โดยทฤษฎีภาวะผู้น าที่ส าคัญ คือ
ทฤษฏีภาวะผู้น าตามสถานการณ์ (situational leadership theory) ของ Hersey และ Blanchard
ซึ่งเสนอว่า ผู้น าจะต้องให้ความส าคัญกับการพิจารณาปัจจัยความพร้อมของผู้ใต้บังคับบัญชา 2
ประการ คือ ความพร้อมทางจิตใจหรือความเต็มใจที่จะท างาน (willingness) เช่น พนักงานมี
ความมุ่งมั่นและเต็มใจที่จะท างานนั้นๆ และความพร้อมทางด้านการปฏิบัติงานหรือความสามารถ
ในการท างาน (ability) เช่น พนักงานมีความรู้ ความสามารถเหมาะสมกับงาน เป็นต้น
ทั้งนี้ การที่ผู้น าจะแสดงภาวะผู้น าแบบใดนั้น จะต้องพิจารณาจากสถานการณ์
ความพร้อมของผู้ใต้บังคับบัญชา หลังจากนั้น จึงเลือกแสดงภาวะผู้น าให้สอดคล้องกับความ
พร้อมของผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งสามารถแบ่งภาวะผู้น าออกเป็น 4 รูปแบบ ดังแสดงในภาพที่ 8.5