Page 203 - OB
P. 203

ควำมขัดแย้ง และกำรเจรจำต่อรอง    187



                       และแต่ละทำงเลือกก็มีควำมเป็นไปได้ที่จะให้ผลออกมำทั้งในทำงบวกและทำงลบพอๆ กัน
                       ตัวอย่ำงเช่น คนงำนต้องกำรท ำงำนล่วงเวลำเพื่อต้องกำรให้ได้เงินเพิ่มขึ้น แต่ก็จะท ำให้เขำมี

                       เวลำอยู่กับครอบครัวน้อยลง ซึ่งทั้ง 2 ทำงเลือกต่ำงก็มีควำมส ำคัญพอๆ กัน จึงท ำให้บุคคลเกิด

                       ควำมล ำบำกใจในกำรตัดสินใจ เป็นต้น
                                   4.2 ความขัดแย้งระหว่างบุคคล เป็นควำมขัดแย้งที่เกิดขึ้นจำกบุคคลตั้งแต่สอง

                       คนขึ้นไป ซึ่งมีควำมคิดเห็นหรือมีค่ำนิยมที่แตกต่ำงกัน โดยควำมแตกต่ำงดังกล่ำวนั้นอำจ

                       เนื่องมำจำกภูมิหลังของแต่ละบุคคลมีควำมแตกต่ำงกัน เช่น กำรเลี้ยงดู ประสบกำรณ์ กำรศึกษำ
                       เป็นต้น ซึ่งบำงครั้งอำจท ำให้คนเรำมองปัญหำบำงอย่ำงไม่เหมือนกัน โดยอำจมองภำพเดียวกัน

                       แต่เห็นเป็นคนละเรื่องก็เป็นได้

                                   4.3  ความขัดแย้งภายในกลุ่ม เป็นควำมขัดแย้งระหว่ำงสมำชิกภำยในกลุ่ม ซึ่ง

                       อำจมีกำรแบ่งออกเป็นหลำยฝ่ำย และแต่ละฝ่ำยอำจจะมีสมัครพรรคพวกที่สนับสนุนอยู่ก็ได้
                       โดยพื้นฐำนแล้วควำมขัดแย้งภำยในกลุ่มนี้ มักจะพัฒนำขึ้นมำจำกควำมขัดแย้งในระดับที่ 2

                       นั่นเอง เนื่องจำกธรรมชำติของมนุษย์มักจะแสวงหำสมัครพรรคพวกหรือเพื่อนร่วมงำนที่มี

                       แนวควำมคิดหรือค่ำนิยมคล้ำยๆ กันมำสนับสนุนตนเอง ดังนั้น ควำมขัดแย้งที่เกิดขึ้นในระดับ

                       ที่ 2  จะไม่หยุดลงแค่เพียงระหว่ำงบุคคลสองคนเท่ำนั้น แต่จะขยำยวงกว้ำงออกไปสู่ควำม
                       ขัดแย้งในระดับที่ 3 นั่นคือควำมขัดแย้งภำยในกลุ่ม ทั้งนี้ หำกควำมขัดแย้งดังกล่ำวมีลักษณะไม่

                       สร้ำงสรรค์แล้ว ย่อมมีผลกระทบต่อกระบวนกำรกลุ่มในหลำยๆ ลักษณะด้วยกัน เช่น ขำด

                       ควำมร่วมมือซึ่งกันและกันภำยในกลุ่ม กำรติดต่อสื่อสำรภำยในกลุ่มไม่มีประสิทธิภำพ
                       เท่ำที่ควร เป็นต้น

                                   4.4 ความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม เป็นควำมขัดแย้งที่เกิดขึ้นจำกกลุ่มคนตั้งแต่สอง

                       กลุ่มขึ้นไป ซึ่งมีควำมคิดเห็น มีเป้ ำหมำย หรือมีค่ำนิยมที่แตกต่ำงกันออกไป โดยแต่ละกลุ่มนั้น
                       ต่ำงก็พยำยำมที่จะรักษำผลประโยชน์ของกลุ่มตนเอง หรือไม่ยอมให้กลุ่มใดมำเอำเปรียบหรือ

                       แสวงหำผลประโยชน์จำกกลุ่มของตน ด้วยเหตุนี้จึงอำจท ำให้เกิดควำมขัดแย้งระหว่ำงกลุ่มขึ้นได้

                                   4.5  ความขัดแย้งภายในองค์การ เป็นควำมขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั่วไปภำยในองค์กำร

                       ซึ่งสำมำรถแบ่งออกได้เป็น 4 ลักษณะ ดังนี้
                                     4.5.1 ควำมขัดแย้งในบทบำทหน้ำที่ ซึ่งอำจเกิดขึ้นจำกกำรที่บุคคลถูกคำดหวัง

                       ให้มีบทบำทสองอย่ำงพร้อมกันไป แต่เป็นบทบำทที่มีลักษณะแตกต่ำงกัน ตัวอย่ำงเช่น กรณี

                       กำรเรียกร้องกำรปรับค่ำจ้ำงเงินเดือนของพนักงำน โดยนักบริหำรทรัพยำกรมนุษย์อำจถูก

                       คำดหวังจำกผู้บริหำรองค์กำรว่ำจะต้องแสดงบทบำทปกป้ องและรักษำผลประโยชน์ของ
   198   199   200   201   202   203   204   205   206   207   208