Page 33 - Psychology
P. 33

หน้ า  | 30

               อิทธิพลต่อพฤติกรรมของบุคคลเกือบทุกด้าน จนกระทั่งเมื่อเอ่ยถึงบุคคลใดขึ้นมาจะทําให้นึกถึงอุปนิสัยของเขา
               ทันที

                              ข. อุปนิสัยร่วม (central traits) หมายถึง กลุ่มลักษณะอุปนิสัยที่บุคคลแสดงออกมาใน
               สถานการณ์ต่าง ๆ เพียง 5-10 ลักษณะเท่านั้น ไม่ได้แสดงออกมาทั้งหมด แต่จะสามารถอธิบายถึงบุคลิกภาพ
               ของบุคคลนั้นได้ใกล้เคียงมากที่สุด
                              ค. อุปนิสัยทุติยภูมิ (secondary traits) หมายถึง อุปนิสัยทั่วไปหลาย ๆ อย่างที่มีอยู่มากมาย

               ในตัวบุคคลแต่เป็นอุปนิสัยแบบกว้างๆ ซึ่งโดยทั่วไปมักจะเกี่ยวกับความคิดเห็น ทัศนคติ รสนิยมในเรื่องใดเรื่อง
               หนึ่งหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
                         ในการอธิบายบุคลิกภาพของแต่ละบุคคลนั้น อัลล์พอร์ตจึงนิยมใช้อุปนิสัยส่วนบุคคลทั้งสามระดับ
               มาเป็นปัจจัยในการพิจารณา ทั้งนี้เพราะอัลล์พอร์ตเชื่อว่าเมื่อมีสิ่งเร้าหรือมีสถานการณ์ใดเกิดขึ้น  อุปนิสัย

               เหล่านี้จะทําหน้าที่สร้างแรงจูงใจให้เกิดการแสดงพฤติกรรมเพื่อตอบสนองสถานการณ์หรือสิ่งเร้านั้น ๆ ใน
               หลายรูปแบบ

                         สิ่งเร้า               อุปนิสัย                  บุคลิกภาพ
                         คนถือของหนัก           มีน้ําใจ                   - วิ่งเข้าไปช่วยถือ

                                                                           - ซื้อน้ํามาให้ดื่ม
                                                                           - วิ่งไปเอารถเข็นมารับ

                  รูปที่ 13 แผนภูมิแสดงให้เห็นว่าบุคลิกภาพเป็นไปตามอุปนิสัยของแต่ละบุคคลตามทฤษฎีของอัลล์พอร์ต


                       4.2  ทฤษฎีลักษณะเฉพาะของแคตเตลล์ (Cattell’s Traits Theory) เรมอนด์ บี. แคตเตลล์
               (Raymond B. Cattell; 1905) นักจิตวิทยาชาวอังกฤษ มีชื่อเสียงเกี่ยวกับทฤษฎีบุคลิกภาพท่านหนึ่ง ระหว่าง

               ที่เขาศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยคิง (King University) ในกรุงลอนดอน เขาได้มีโอกาสเป็นผู้ช่วยนักจิตวิทยาที่มี
               ชื่อเสียงหลายท่าน ทําให้แคตเตลล์ได้รับแนวคิดจากการใช้วิธีวิเคราะห์องค์ประกอบ (factor analysis) และ
               วิธีการทางสถิติมาช่วยในการอธิบายทฤษฎีบุคลิกภาพของเขา ดังนั้นทฤษฎีลักษณะเฉพาะของแคตเตลล์จึงมี
               ชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าทฤษฎีวิเคราะห์องค์ประกอบ (factor-analytic theory)
                       หลังจากจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยคิงแล้ว แคตเตลล์จึงได้มีโอกาสร่วมงานกับธอร์นไดก์

               (Thorndike) ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) ในกรุงนิวยอร์ก  จากนั้นจึงย้ายไปเป็น
               อาจารย์สอนวิชาจิตวิทยาในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหลายแห่งของประเทศอังกฤษ เช่น มหาวิทยาลัยคลาร์ก
               (Clark University) มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ในที่สุดจึงย้ายกลับมาสอนที่มหาวิทยาลัย

               อิลินอยส์ (Illinois University) ในปี ค.ศ. 1944 แคตเตลล์ ได้สร้างผลงานที่มีชื่อเสียงไว้มากมายโดยเฉพาะ
               เกี่ยวกับแบบทดสอบบุคลิกภาพที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่  16PF, IPAT, PTB เป็นต้น ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อ
               วงการจิตวิทยาอย่างกว้างขวาง
                       แนวความคิดเกี่ยวกับบุคลิกภาพของแคตเตลล์นั้นคล้ายคลึกงกับของอัลล์พอร์ต กล่าวคือ บุคลิกภาพ

               ของแต่ละคนเป็นผลมาจากอิทธิพลของอุปนิสัยที่แตกต่างกัน  ดังนั้นถ้าสามารถทําความเข้าใจอุปนิสัยทั้งสาม
               ระดับของแต่ละคนได้แล้ว  จะสามารถทํานายบุคลิกภาพของบุคคลนั้นได้ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด
               แต่นอกเหนือจากนี้แคตเตลล์ยังให้ความสนใจที่จะศึกษาถึงรายละเอียดของอุปนิสัยแต่ละลักษณะโดยการหา
               ความสัมพันธ์ด้วยวิธีการใช้วิธีวิเคราะห์ตัวประกอบ (factor analysis) แคตเตลล์เริ่มต้นจากการศึกษา

               บุคลิกภาพของคนหลายประเภทในวัยต่าง ๆ เป็นจํานวนมาก โดยใช้วิธีการหลายวิธี เช่น การใช้แบบทดสอบ
   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38