Page 34 - Psychology
P. 34

หน้ า  | 31

               สังเกต ประเมินค่า ศึกษาภายในห้องทดลอง และวิธีอื่น ๆ ที่ได้รับการยอมรับถึงความเที่ยงตรงในการศึกษา
               พฤติกรรม เมื่อได้ค่าคะแนนจากวิธีการเหล่านั้นแล้วจึงนํามาวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ของลักษณะต่าง ๆ

               ทางบุคลิกภาพโดยวิธีการวิเคราะห์ตัวประกอบ (factor analysis) และจัดอันดับกลุ่ม (cluster analysis)
               ทําให้เขาได้ข้อสรุปถึงลักษณะบุคลิกภาพเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
                            1)  ลักษณะอุปนิสัยพื้นผิว (Surface Traits) หมายถึง ลักษณะของบุคลิกภาพภายนอกที่
               บุคคลแสดงออกมาในลักษณะเป็นกลุ่มของพฤติกรรมหลาย ๆ ลักษณะด้วยกัน เช่น เป็นคนคล่องแคล่ว พูดเร็ว

               สนุกสนาน เป็นกันเอง ลักษณะพื้นผิวแต่ละอย่างที่รวมกันเป็นกลุ่มนี้แคตเตลล์เชื่อว่าจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน
               จึงสามารถเป็นกลุ่มเดียวกันได้  จะเห็นได้ว่าลักษณะพื้นผิวจึงมีความใกล้เคียงกับอุปนิสัยร่วม (central traits)
               ของอัลล์พอร์ตมาก แตกต่างกันที่ว่าของอัลล์พอร์ตนั้นนําอุปนิสัยต่าง ๆ เหล่านั้นมาจัดกลุ่มเอง แต่ของแคต
               เตลล์นั้นจัดกลุ่ม (cluster analysis) ด้วยการใช้วิธีรวบรวมข้อมูลและหาความสัมพันธ์ของลักษณะต่าง ๆ

               ของบุคลิกภาพที่เป็นลักษณะพื้นผิดเดียวกันเข้าด้วยกัน  โดยจัดบุคลิกภาพที่มีค่าสหสัมพันธ์ตั้งแต่ 60 ขึ้นไปให้
               อยู่ในกลุ่มเดียวกัน
                            2)  ลักษณะอุปนิสัยดั้งเดิม (Source Traits) หมายถึง ลักษณะอุปนิสัยภายในที่แท้จริงของแต่
               ละบุคคล ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม หล่อหลอมกันขึ้นเป็นอุปนิสัยประจําตัว ทําให้

               เปลี่ยนแปลงค่อนข้างยาก  อุปนิสัยดั้งเดิมนี้เองจึงถือเป็นพื้นฐานบุคลิกภาพของบุคคลทั้งทางด้านบวกและลบ
               การศึกษาเพื่อหาลักษณะอุปนิสัยดั้งเดิม (source traits) นั้นแคตเตลล์ใช้การหาค่าความสัมพันธ์ด้วยวิธี
               วิเคราะห์ตัวประกอบ  โดยหาว่าลักษณะอุปนิสัยใดบ้างที่มีค่าสหสัมพันธ์สูง ลักษณะอุปนิสัยใดบ้างที่มีค่า

               สหสัมพันธ์ต่ํา แล้วจัดเป็นกลุ่มแยกออกจากกัน นอกจากนี้ยังศึกษาต่อไปอีกว่าลักษณะอุปนิสัยดั้งเดิมมี
               ความสัมพันธ์ต่อบุคลิกภาพอย่างใดบ้าง และผลจากการศึกษาครั้งนี้แคตเตลล์ได้จําแนกลักษณะอุปนิสัยดั้งเดิม
               ได้ทั้งสิ้น 16 ลักษณะ ซึ่งต่อมาภายหลังแคตเตลล์จึงได้สร้างแบบทดสอบบุคลิกภาพเพื่อวิเคราะห์บุคลิกภาพ
               ของบุคคลโดยยึดแนวทางวิเคราะห์จากลักษณะอุปนิสัยดั้งเดิมทั้ง 16 ด้านนี้ แบบทดสอบบุคลิกภาพฉบับนี้มี
               ชื่อว่า 16PF (Sixteen Personality of Factor Questionnaire) ดังนั้น จะเห็นได้ว่าทฤษฎีบุคลิกภาพของ

               แคตเตลล์จึงให้ความสําคัญต่อลักษณะอุปนิสัยดั้งเดิมของบุคคลอย่างมาก
                      จากที่กล่าวรายละเอียดมาทั้งหมดแล้วนี้ สามารถสรุปได้ว่าทั้งทฤษฎีอุปนิสัยของอัลล์พอร์ตและทฤษฎี
               ลักษณะเฉพาะของแคตเตลล์ ต่างก็ให้ความเห็นตรงกันที่ว่าโครงสร้างบุคลิกภาพของแต่ละคนนั้นเป็นผลมาจาก

               ความสัมพันธ์ของกลุ่มอุปนิสัยภายในที่แตกต่างกันจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละบุคคลในที่สุด

               5. กลุ่มทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม (Social Learning Theories)
                       นักจิตวิทยากลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นนักจิตวิทยาในกลุ่มพฤติกรรมนิยม แนวความคิดเกี่ยวกับทฤษฎี

               บุคลิกภาพ จึงให้ความสนใจพฤติกรรมที่มองเห็นได้ (overt behavior) มากกว่าพฤติกรรมภายใน (covert
               behavior) โดยมีความเห็นว่าบุคลิกภาพของแต่ละคนเป็นผลมาจากการเรียนรู้ซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับเงื่อนไข
               การเสริมแรง และการเลียนแบบ ดั้งนั้นจึงเรียกกลุ่มทฤษฎีบุคลิกภาพกลุ่มนี้อีกชื่อหนึ่งว่าทฤษฎีกลุ่มพฤติกรรม
               นิยม (behavior theories) ซึ่งประกอบไปด้วยทฤษฎีบุคลิกภาพ 2 ทฤษฎี ได้แก่

                       5.1  ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบจงใจกระทํา (Operant Conditioning Theory)
               ความเข้าใจ สภาพการณ์ และพฤติกรรม ทําไมแต่ละบุคคลจึงแสดงการกระทําที่แตกต่างกัน ทั้งที่ใน
               สภาพการณ์ที่เหมือนกันและทําไมในบุคคลคนเดียวกันจะแสดงการการทําด้วยความยุติธรรมในโอกาสที่ต่างกัน
               นักพฤติกรรมมีความเห็นว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าแต่ละบุคคลจะรู้จักการใช้ลักษณะเฉพาะบุคคลตามแต่ละ

               สภาพการณ์
   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39