Page 47 - Psychology
P. 47
หน้ า | 44
ประโยชน์ของจิตวิทยาสังคม
1. สามารถดํารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุข นําความรู้ทางวิชาการมาพัฒนาศักยภาพของตน
(Potentialities) เสริมบุคลิกภาพและทําตนให้เป็นบุคคลที่สังคมปรารถนา
2. สามารถเข้าใจพฤติกรรมของสมาชิกในกลุ่มและในทีมงานได้อย่างดีปรับความแตกต่างของคน
ภายในกลุ่มให้เกิดความกลมกลืนกัน เข้าใจกันเพิ่มความร่วมมือและลดความขัดแย้งภายในกลุ่มดังที่
(Hallander, 1978) กล่าวไว้ว่า “จิตวิทยาสังคมให้คุณค่าอันเป็นพื้นฐาน (Fundamental Value) ที่จะทํา
ให้เกิดความรู้ความเข้าใจในการดําเนินกิจการต่างๆได้อย่างแท้จริง”
3. สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมทางสังคมได้ถูกต้อง ซึ่งจะนําไปสู่การเข้าใจธรรมชาติของคนอย่าง
แท้จริง เพราะเมื่อสังคมเปลี่ยนเร็ววิธีการดําเนินชีวิตของคนก็เปลี่ยนเร็วตามไปด้วย ยิ่งบทบาทของบุคคลที่
เป็นผู้บริหารจําเป็นต้องรู้ถึงบุคลิกภาพความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติต่องานของบุคคลรอบข้างได้อย่างละเอียดถี่
ถ้วน
4. จิตวิทยาสังคมยังสามารถก่อให้เกิดความก้าวหน้าทางวิชาการ ช่วยให้มีความถูกต้องแม่นยําใน
การพรรณนา (Description) การอธิบาย (Explanation) การทํานาย (Prediction) การควบคุม (Control)
ทฤษฎีทางจิตวิทยาสังคม
นักจิตวิทยาสังคมพยายามที่จะอธิบายพฤติกรรมทางสังคม โดยการศึกษาค้นคว้าและสร้างแนวคิด
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องอย่างกว้างขวางโดยเริ่มจากต้นศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมากลุ่มแนวคิดต่างๆที่มาของจิตวิทยา
สังคมในปัจจุบันจําแนกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ (Seares,Peplau, Taylor, 1991 : 6-16) ดังนี้
กลุ่มที่ 1 กลุ่มทฤษฎีจิตวิเคราะห์ (psychoanalytic theory) ฟรอยด์ (Sigmund Freud)
เป็นผู้ก่อตั้งฟรอยด์สนใจศึกษาเรื่องของจิตมนุษย์โดยเชื่อว่าพฤติกรรมที่แสดงออกได้รับแรงจูงใจจากแรงขับ
และแรงบันดาลใจที่อยู่ภายใน (internal drives and impulses) เช่นเรื่องเพศและความก้าวร้าวเขาเชื่อว่า
พฤติกรรมของผู้ใหญ่ก่อร่างสร้างรูปมาจากความขัดแย้งทางจิตใจที่ไม่ได้รับการตอบสนองจากประสบการณ์ใน
ครอบครัวในวัยเด็ก กลุ่มนักจิตวิเคราะห์พยายามค้นหาเพื่อทําความเข้าใจถึงแรงบังคับผักพายในทางจาก
ระดับจิตสํานึก (conscious) และจิตใต้สํานึก (unconscious) ซึ่งเป็นพลังผลักดันให้เกิดพฤติกรรมโดยตรง
กลุ่มที่ 2 กลุ่มพฤติกรรมนิยม (behaviorism) เสนอแนวคิดที่แตกต่างกันออกไปในการศึกษา
ประสบการณ์ของมนุษย์ นักจิตวิทยากลุ่มนี้ ได้แก่ พาฟลอฟ (lvan Pavlov) วัตสัน (John B. Wastson)
สกินเนอร์ (Skinner) และอื่นๆๆนักพฤติกรรมนิยมเน้นการสังเกตพฤติกรรมของมนุษย์และสัตว์ และไม่สนใจ
ในเรื่องของความรู้สึกนึกคิดใดๆพวกเขาชอบศึกษาในสิ่งที่เขาสังเกตเห็นและวัดได้ซึ่งเรียกว่า พฤติกรรม
ภายนอก (over behavior) รวมทั้งสนใจศึกษาวิธีการที่สิ่งแวดล้อมกระทําการหล่อหลอมพฤติกรรมของสัตว์
อันนําไปสู่ข้อสรุปที่ว่าพฤติกรรมที่ปรากฏเป็นผลมาจากการเรียนรู้ในอดีตที่ผ่านมา นักพฤติกรรมนิยมมี
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นในการใช้หลักการอธิบายกระบวนการเฉพาะที่สําคัญต่อการเรียนรู้และแสดงออกเป็น
พฤติกรรมของมนุษย์
กลุ่มที่ 3 กลุ่มเกสตัลต์ (Gestalt) พัฒนาขึ้นโดยโคลเลอร์ (Wolfgang Koler) คอฟกา (Kurt
Koffka) เลวิน (Kurt Lewin) และนักจิตวิทยาชาวยุโรปอื่นๆ ๆอพยพไปอยู่อเมริกาในช่วงปี ค.ศ. 1930
กลุ่มนี้สนใจศึกษาวิธีการซึ่งปัจเจกบุคคลรับรู้และเข้าใจสรรพสิ่งเหตุการณ์และผู้คนในมุมมองนี้เห็นว่า ผู้คน
ไม่ได้รับรู้สถานการณ์หรือเหตุการณ์ตามที่องค์ประกอบย่อยๆแต่ละส่วนได้ร่วมกันก่อรูปขึ้นแต่จะรับรู้ภาพรวม
ของสิ่งนั้นๆมากกว่าเรียกว่าเป็น “dynamic wholes” ตัวอย่างเช่นให้นึกถึงเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่งเมื่อพบ
กันครั้งสุดท้ายได้รับรู้หรือไม่ว่าเขาหรือหล่อนมีแขนขานิ้วมือและองคาพยพอื่นๆ ๆบางทีอาจมีได้สังเกตเช่นนั้น