Page 17 - เอกสารการเรียนบทที่-2
P. 17

ความเป็นพลเมือง






                                      (ง)  หลักกำรมีผู้แทน
                                          หลักการมีผู้แทน เป็นหลักที่ส าคัญมากในหลักประชาธิปไตย เพราะผู้แทน

                       ของราษฎร เปรียบเสมือนตัวแทนของเจ้าของอ านาจอธิปไตย ซึ่งก็คือประชาชนในการเข้าไปมีส่วนร่วม

                       ในการก าหนดนโยบายตลอดจนการตรากฎหมายเพื่อใช้บังคับ อีกทั้ง ระบบผู้แทนยังออกแบบมา
                       เพื่อสอดรับประชาธิปไตยโดยทางอ้อม  เพราะเรามิอาจให้ประชาชนทุกคนเข้ามาออกเสียงใน

                       การบริหารประเทศได้ดั่งเช่นในสมัยสังคมโบราณที่มีคนอยู่ไม่มีมากนัก การมีผู้แทนจึงเหมือนเป็น

                       การมอบอ านาจ เป็นการให้อาณัติโดยประชาชนส่งคนที่พวกเขาไว้วางใจเข้าไปท าหน้าที่ส าคัญ ๆ

                       แทนเขาเหล่านั้น เป็นความชอบธรรมอันเกี่ยวเนื่องอย่างมิขาดสายระหว่างอ านาจนิติบัญญัติและ
                       ประชาชน


                               เรื่องที่ 2.2.2  หลักนิติรัฐ
                                      นิติรัฐเป็นค าที่แปลมาจากภาษาเยอรมันว่า “Rechtsstaat” ประกอบ มาจากค า

                       สองค าคือ ค าว่า “Rechts”ที่แปลว่า กฎหมายหรือสิทธิ และค าว่า “staat”  ที่แปลว่ารัฐ แต่ค าสอง

                       ค านี้มารวมกันแล้วได้กลายเป็นค าศัพท์ทางนิติศาสตร์ในระบบกฎหมายเยอรมันซึ่งยากจะหาค า
                       แปลในภาษาต่างประเทศที่แปลแล้วให้ความหมายได้ตรงกับค าในภาษาเดิม ต าราที่เขียนเป็น

                       ภาษาอังกฤษจ านวนหนึ่งได้ใช้ค าค านี้ทับศัพท์ภาษาเยอมันโดยไม่แปล (วรเจตน์  ภาคีรัตน์, 2558:

                       146) โดยผู้ให้ความหมายค าว่า “นิติรัฐ” เอาไว้เป็นจ านวนมาก แต่กล่าวโดยสรุปแล้ว นิติรัฐ คือ รัฐ

                       ที่ยอมตนอยู่ภายใต้กฎหมาย โดยยอมรับและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นสูงสุด

                       กล่าวคือเป็นรัฐที่ปกครองโดยกฎหมายมิใช่คน ซึ่งกฎหมายดังกล่าวไม่ใช่ว่าจะเป็นกฎหมายที่ตรา
                       ขึ้นอย่างไรก็ได้ แต่ต้องประกันความไว้เนื้อเชื่อใจที่บุคคลมีต่อการใช้อ านาจของรัฐด้วย ดังนั้น

                       นอกจากกฎหมายจะต้องสอดคล้องกับความพอสมควรแก่เหตุแล้ว ยังต้องไม่ขัดต่อความเสมอภาค

                       ซึ่งเป็นหัวใจของความยุติธรรมจะต้องมีความชัดเจนแน่นอนเพียงพอที่ราษฎรสามารถเข้าใจและ
                       ปฏิบัติตามได้ และโดยหลักแล้วจะใช้บังคับย้อนหลังไปเป็นผลร้ายต่อบุคคลไม่ได้ โดยเฉพาะ

                       อย่างยิ่งการย้อนหลังไปใช้บังคับกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและยุติลงแล้วก่อนการตรากฎหมายฉบับ

                       นั้น พิจารณาในแง่นี้นิติรัฐเรียกร้องให้รัฐกระท าการโดยยุติธรรมและโดยถูกต้อง เราอาจกล่าวได้ว่า

                       นิติรัฐมีลักษณะเป็น “ยุติธรรมรัฐ” (Gerechtigkeitsstsst)(วรเจตน์  ภาคีรัตน์, 2558: 115- 116)

                                      ในแง่ประวัติศาสตร์การเมืองการปกครอง แนวความคิดว่าด้วยนิติรัฐเริ่มต้นขึ้น
                       ในช่วงศตวรรษที่ 17 ในฐานะที่เป็นปฏิกิริยาที่มีต่อการปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์

                       (วรเจตน์  ภาคีรัตน์, 2558:147)  โดยรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้นถูกเรียกร้องในแง่ของเหตุผล

                       แม้พระมหากษัตริย์จะยังมีอ านาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการปกครองอยู่ แต่ก็ถูกเรียกร้องในการใช้


                                                                                                        37
   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22