Page 86 - 09_กฎหมายอนทเกยวของกบการปฏบตหนาท_Neat
P. 86

๗๙



                             ¡ÒáÃÐทําâ´Â¼Ô´¡®ËÁÒ หมายความวา ผูกระทํา “äÁ‹ÁÕอํา¹Ò¨” หรือ “äÁ‹ÁÕÊÔ·¸Ô”
                 ที่จะกระทําเชนนั้น ¡ÒÃäÁ‹ÁÕอํา¹Ò¨หมายถึง ไมมีอํานาจตามกฎหมาย สวน “ÊÔ·¸Ô” นั้นเปนสภาพ

                 ทางกฎหมายที่กอใหเกิด “ÊÔ·¸Ôอํา¹Ò¨” กลาวคือ ทําใหเกิดสิทธิเรียกรองใหผูอื่นมีหนาที่ตองกระทํา
                 เพื่อผูที่มีสิทธินั้น สิทธิอาจเปนสิทธิตามที่กฎหมายกําหนดหรือเปนสิทธิที่เกิดจากเจตนาโดยสมัครใจ
                 ของคูกรณี หรือเปนสิทธิอันเกิดจากสัญญา ซึ่งเปนไปตามหลักกฎหมายแพง การที่ผูกระทําไดกระทําไป

                 “â´ÂäÁ‹ÁÕอํา¹Ò¨” หรือ “â´ÂäÁ‹ÁÕÊÔ·¸Ô” การกระทําดังกลาวจึงเปนการกระทําที่ไมชอบดวยกฎหมาย
                 หากกระทําแลวทําใหผูอื่นไดรับความเสียหายโดยจงใจหรือประมาทเลินเลอแลว การกระทํานั้นยอมเปน
                 การละเมิด แตถาผูกระทํามีอํานาจกระทําไดตามกฎหมาย เชน เปน “਌Ҿ¹Ñ¡§Ò¹¼ÙŒÁÕอํา¹Ò¨Ë¹ŒÒ·Õè”

                 หรือ “ÁÕÊÔ·¸ÔμÒÁ¡®ËÁÒ” เชน เปนคูสัญญาผูมีสิทธิตามสัญญา แมจะเกิดความเสียหายขึ้นจากการ
                 กระทําโดยใชอํานาจหรือกระทําตามสิทธิดังกลาว การกระทํานั้นก็ไมเปนการกระทําโดยผิดกฎหมาย
                 และเมื่อไมเปนการกระทําที่ผิดกฎหมายก็ไมเปนการละเมิด

                             ¡Ã³ÕÈÖ¡ÉÒ : ¡ÒáÃÐทํา·Õè໚¹¡ÒÃÅÐàÁÔ´
                             เมื่อการกระทําใดเขาหลักเกณฑ ๓ ประการขางตนการกระทํานั้นเปนการละเมิด
                 ผูกระทําจะตองใชคาสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น เชน

                             คํา¾Ô¾Ò¡ÉÒÈÒÅ»¡¤ÃͧÊÙ§ÊØ´·Õè Í.ôø/òõô÷ ผูฟองคดีซึ่งเปนผูใหเชาซื้อรถยนตและ
                 ผูคํ้าประกันไดมาติดตอขอรับรถยนตที่เกิดอุบัติเหตุคืน พนักงานสอบสวนยอมทราบดีวามีเจาของแนชัด

                 จึงไมมีอํานาจขายทอดตลาดฯ การนํารถยนตขายทอดตลาดจึงเปนการกระทําที่ไมชอบดวยขอบังคับ
                 การเก็บรักษาของกลางกระทรวงมหาดไทย พ.ศ.๒๔๘๐ ประกอบกับประมวลระเบียบการตํารวจ
                 เกี่ยวกับคดีเมื่อทําใหผูฟองคดีไดรับความเสียหายกรณีจึงเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดีและเปนการทํา
                 ละเมิดในการปฏิบัติหนาที่ผูถูกฟองคดีที่ ๒ (สํานักงานตํารวจแหงชาติ) ซึ่งเปนหนวยงานของรัฐที่พนักงาน

                 สอบสวนสังกัดอยูตองรับผิดชดใชคาสินเสียหายใหแกผูฟองคดีและกรณีนี้ผูฟองคดีตองฟองผูถูกฟอง
                 คดีที่ ๒ ซึ่งเปนหนวยงานของรัฐโดยตรงจะฟองพนักงานสอบสวนผูถูกฟองคดีที่ ๑ ซึ่งเปนเจาหนาที่ไมได

                 ทั้งนี้ ตามมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ.๒๕๓๙


                 ¢Íºà¢μ¡ÒÃ㪌ºÑ§¤Ñº¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑμÔ¤ÇÒÁÃѺ¼Ô´·Ò§ÅÐàÁÔ´¢Í§à¨ŒÒ˹ŒÒ·Õè ¾.È.òõóù
                 μŒÍ§à»š¹¡ÒáÃÐทําâ´Â਌Ò˹ŒÒ·Õè¢Í§ÃѰ

                             พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เปนกฎหมายที่บัญญัติ
                 เพื่อใชบังคับกับความรับผิดทางละเมิดของ “਌Ò˹ŒÒ·ÕèáÅÐ˹‹Ç§ҹ¢Í§ÃѰ” ซึ่งมาตรา ๔ แหง

                 พระราชบัญญัตินี้ไดกําหนดบทนิยามของคําวา “਌Ò˹ŒÒ·Õè” และ “˹‹Ç§ҹ¢Í§ÃѰ” ไว
                             ÁÒμÃÒ ô  ในพระราชบัญญัตินี้
                             เจาหนาที่ หมายความวา ขาราชการ พนักงาน ลูกจาง หรือผูปฏิบัติงานประเภทอื่น
                 ไมวาจะเปนการแตงตั้งในฐานะเปนกรรมการหรือฐานะอื่นใด

                             หนวยงานของรัฐ หมายความวา กระทรวง ทบวง กรม หรือสวนราชการที่เรียกชื่อ
                 อยางอื่นและมีฐานะเปนกรม ราชการสวนภูมิภาค ราชการสวนทองถิ่น และรัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้น
   81   82   83   84   85   86   87   88   89   90   91