Page 18 - การจัดการความขัดแย้ง
P. 18
๙
ñ) ¾Ù´¶Ù¡¡ÒÅà·ÈÐ คือ ใหดูจังหวะใหคนอื่นพูดจบกอน ดูเวลาใหเหมาะสมเวลาพูด
ไมพูดเพอเจอ หรือเพียงอยากระบายอารมณ ไมพูดแตความดีของตัวเองมากเกินไป
ò) ¾Ù´¤ÇÒÁ¨ÃÔ§ คือ ไมพูดปด หลอกลวง นอกจากจะเปนการเลานิทานหรือเรื่องสมมติ
แตถาตองพูดความจริงแตเกิดความเสียหายก็ตองหาทางเลี่ยงหรือปฏิเสธ เชน มีคนใหเราแสดง
ความคิดเห็นวา “เธอวามะลินี่เขาผิวดําเปนหมึกเลยจริงไหม” เราควรตอบวา “ไมรูซี แตฉันวาเขา
ผิวละเอียดเนียนดีนะ”
ó) ¾Ù´คําÊØÀÒ¾ การเลือกใชคําพูดใหเหมาะกับบุคคล ใชภาษาที่ไพเราะหู ถาจะพูดกับ
ผูใหญจะใหดีอาจเติมคําวา “¡ÃسҔ ถาจะปฏิเสธอะไรก็ควรกลาวคํา “¢Íâ·É” กอน แลวจึงอธิบาย
เรื่องอื่นๆ และไมกลาวคําหยาบคาย
ô) 㪌คํา¾Ù´·Õè໚¹»ÃÐ⪹ เชน คําพูดที่มีประโยชนทั้งผูพูดและผูฟง ใหขอคิด
ใหกําลังใจ ไมพูดยุแยกใหแตกกัน
õ) ¾Ù´´ŒÇ¤ÇÒÁËÇѧ´Õ ใชคําพูดแสดงความเห็นอกเห็นใจ ใหคําแนะนํา ตักเตือน
ชวยออกความคิดแกปญหา
การพูดมีความสําคัญอยางมากจนมีสถาบันที่ตั้งขึ้นมาเพื่อฝกพูดในระบบตางๆ ทั้งการพูด
ในที่ชุมนุมชน (Public Speaking) ตามแนวทางของ Toastmaster หรือของ Dale Carnegie ตลอดจน
การพูดแบบการทูต (Diplomatic Speaking) ทั้งนี้ในความเชื่อแตเดิมวาการพูดเปนพรสวรรค
แตโดยแทที่จริงแลวเราสามารถฝกอบรมได พรสวรรคอาจจะเปนปจจัยเพียง ๒๐ เปอรเซ็นต ที่เหลือ
คือพรแสวงที่สามารถเรียนรูและฝกฝนได
»˜ÞËÒ´ŒÒ¹¡Òþٴ
อาจแบงออกไดเปนสี่กลุม คือ
ñ. »˜ÞËÒ´ŒÒ¹¼ÙŒ¾Ù´ หรือผูสง อาจจะพูดไมชัด พูดเร็วไป พูดเบาไป พูดดวยอารมณโกรธ
อารมณเสียใจไมพอใจ พูดโดยใชภาษาที่มีความหมายตางกัน
ò. »˜ÞËÒ´ŒÒ¹¼ÙŒ¿˜§ หรือผูรับ สวนใหญคือ การไมตั้งใจฟง การฟงเปนเรื่องสําคัญยิ่ง
ในการที่จะกอใหเกิดความเขาใจกัน ตองรูจักฟงใหเปน ซึ่งจะกลาวรายละเอียดตอไป กรณีผูฟงพิการ
ทางหู การสื่อสารกันก็มีอุปสรรคอาจตองใชเครื่องชวยหรือใชลามภาษามือแทน ผูฟงที่มีอารมณ
หากเปนคนละอารมณกับผูพูด ก็จะทําใหการฟงมีปญหา อาจกอใหเกิดการขัดจังหวะ หรือขัดคอขึ้นมา
ก็จะนําไปสูการยุติการพูดหรือการฟงได
ó. »˜ÞËÒ´ŒÒ¹à¹×éÍËÒ เนื้อหาที่พูดออกมาควรจะมีความยาวพอดีกับระยะเวลาที่ผูฟง
อยากจะรับฟง การพูดที่ยาวเกินไปก็จะทําใหผูฟงเบื่อ หรือพูดสั้นเกินไปยังไมทันเขาใจในประเด็น
ก็เกิดปญหาได เนื้อหาที่มีภาษาตางประเทศมากก็อาจจะเปนปญหากับผูฟงที่ไมถนัด หรือภาษาถิ่น
ที่สื่อความหมายตางกันก็จะเกิดความไมเขาใจ หรือเขาใจผิด หรือเลยไมอยากฟงไปเลย