Page 19 - การจัดการความขัดแย้ง
P. 19

๑๐




                          ô. »˜ÞËÒ´ŒÒ¹à¤Ã×èͧÁ×Í ¡ÒÃÊ×èÍÊÒÃËÃ×ÍÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ การจะสื่อสารไดดีตองมีความเงียบ
              พอสมควร ผูฟงจึงจะเกิดสมาธิในการฟงเชนเดียวกับผูพูดก็ตองการความเงียบที่จะเกิดสมาธิใน

              การพูดอยางตอเนื่อง ฉะนั้น เสียงรบกวน ไมวาจะเปนเสียงเครื่องยนต เครื่องจักรจากภายนอกหอง
              เสียงเครื่องขยายเสียงจากการปราศรัย ชุมนุมประทวงภายนอกก็รบกวนสมาธิ การพูดคุยกันในหอง

              หรือการพูดโทรศัพท โดยเฉพาะในยุคที่โทรศัพทมือถือที่ใชกันทุกคน เสียงกริ่งสัญญาณก็ดี เสียงพูด
              โทรศัพทก็ดี เปนการรบกวนสมาธิและชองทางของการสื่อสารกันและกัน เครื่องมือที่ใชสื่อสารกัน เชน

              เครื่องขยายเสียงภายในหองที่ใชประชุมกันจําเปนจะตองมีพลังและคุณภาพที่ดีพอสมควร โดยเฉพาะ
              เปนการประชุม หรือการบรรยายที่มีคนจํานวนมาก การสื่อสารที่ตองสงผานหลายทอด หลายชั้น

              ก็อาจจะเปนอุปสรรคในการพูดคุยหรือเจรจากัน
                          ฉะนั้น โดยสรุปจะเห็นวาการพูด มีความจําเปนตองฝกฝน “การพูดเปน” การพูดและการ

              สื่อสารรวมไปถึงการฟงและภาษาทาทาง ไมใชวิชาที่จะไปทองจําเนื้อหา แตเปนทักษะที่จะตองฝกฝน
              และทําความเขาใจอยูเสมอ

                          ในการที่จะเขาใจความสําคัญของการสื่อสารกับการแกปญหาความขัดแยงใหดียิ่งขึ้นจะขอ

              กลาวถึง กระบวนทัศน (Paradigms) สี่อยางของการสื่อสาร (Deutsch และ Coleman ๒๐๐๐) หรือสี่
              รูปแบบของกระบวนการสื่อสารที่มีบทบาทสัมพันธกับเรื่องของความขัดแยง กระบวนทัศนสี่อยางของ
              การสื่อสาร คือ

                          - กระบวนทัศนของการสงรหัสกับการถอดรหัส

                          - กระบวนทัศนแหงความตั้งใจจะสื่อ
                          - กระบวนทัศนแหงมุมมอง และ

                          - กระบวนทัศนแหงการสนทนา


              ¡ÒÃÊ‹§ÃËÑʡѺ¡ÒöʹÃËÑÊ

                          เนื้อหานี้อธิบายการสื่อสารวาเปนการสงตอขอมูลจากผูสงไปผูรับโดย “ตัวรหัส” ตัวรหัสนี้

              เปนเหมือนสัญญาณที่มีความหมายชนิดหนึ่ง เปรียบกับการสงรหัสสัญญาณโทรเลขที่ใชรหัสมอรส
              (Morse Code) ซึ่งแตละจุดที่เกิดจากการกดรหัสที่สงไปถี่หางยาวสั้นจะหมายถึงตัวหนังสือตัวใดตัวหนึ่ง

              อยางแนนอน การสงรหัสระหวางสัตวหรือสิ่งมีชีวิตที่ไมใชมนุษย มักจะมีความชัดเจนแนนอนระหวางกัน
              ในรหัสที่สง ตรงไปตรงมาไมมีความยุงยากในการตองไปถอดความหมาย ตางจากการสงรหัสถอดรหัส

              ของคนเราซึ่งจะมีสามขั้นตอน คือ ขั้นแรก การใสรหัสลงไปในสัญญาณที่จะสงโดยผูสงหรือผูพูดแลว
              ขั้นที่สอง ถายทอดผานทางชองทางใดทางหนึ่งสงผูรับ ขั้นที่สาม คือผูรับหรือผูฟงรับสัญญาณแลว

              แปลงรหัสมาโดยหวังวาจะมีความหมายเหมือนกับผูสงหรือผูพูด ปญหาที่เกิดขึ้นคือรหัสที่ผูรับหรือ
              ผูฟงรับสัญญาณถอดรหัสอาจไมตรงกับความหมายที่ผูสงสงมา ซึ่งอยางหนึ่งเกิดจากชองทางการสื่อสาร

              ถูก “เสียงอื่นรบกวน” (Noise) ถาอัตราสวนระหวางสัญญาณกับเสียงกวน (Signal to Noise Ratio)
   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24