Page 25 - Learning Points from HROD TALK
P. 25

Learning Points from HROD TALK   20



                       กรอบควำมคิดเติบโต (Growth mindset)  ทฤษฎีควำมคำดหวัง (Expectancy Theory) และทฤษฎี
               เป็นควำมเชื่อของมนุษย์ที่มีต่อลักษณะและ กำรก ำหนดเป้ำหมำย (Goal-Setting Theory) ดังนี้

               คุณลักษณะของตนเองว่ำ สำมำรถเปลี่ยนแปลงได้และ
               พัฒนำได้ (Dweck, 2006; Murphy & Dweck, 2015)          1. ทฤษฎีควำมคำดหวัง (Expectancy Theory)
               โดยกรอบควำมคิดเติบโตมีส่วนส ำคัญในกำรพัฒนำ    ของวิคเตอร์ วูร์ม (Victor Vroom) ที่เชื่อว่ำ แรงจูงใจ
               ศักยภำพของมนุษย์ ดังนั้นแนวควำมคิดนี้จึงเป็น  ของคนเรำจะเกิดขึ้น ถ้ำเขำสำมำรถคำดหวังได้ว่ำเมื่อท ำ

               พื้นฐำนอย่ำงแรก ของกำรพัฒนำคนจำกภำยใน และ     สิ่งใดเสร็จแล้ว ก็จะได้รับสิ่งที่เขำต้องกำรจำกสิ่งนั้น
               เมื่อคนมีควำมเชื่อว่ำสำมำรถพัฒนำได้แล้วนั้น           ทฤษฎีนี้ชี้ให้เห็นว่ำ ควำมต้องกำรของคนเรำ
               พฤติกรรมที่เกิดต่อมำจะเป็นพฤติกรรมที่สนับสนุน  เป็นต้นเหตุให้เกิดพฤติกรรมได้และควำมเข้มข้นของ
               กำรเปลี่ยนแปลงต่อไป                           แรงจูงใจขึ้นอยู่กับระดับควำมต้องกำรที่จะมีพฤติกรรม
                                                             นั้น Vroom ได้ให้ข้อสมมติฐำน (สุรำงค์ เทพศิริ, 2554:
                       แสดงให้เห็นว่ำสิ่งส ำคัญที่สุดอันดับแรกใน 200) ดังนี้
               กำรที่จะพัฒนำคนตำมแนวคิดกำรระเบิดจำกภำยใน             1) พฤติกรรมของคนเรำได้รับอิทธิพลมำจำก

               เพื่อกำรพัฒนำที่ยั่งยืนนั้น Mindset ก็ถือเป็นสิ่งที่    ตัวเอง และสภำพแวดล้อม
               ส ำคัญที่พนักงำนจะต้องมีทัศนคติที่มองว่ำตนเอง         2) พฤติกรรมดังกล่ำวเป็นดุลพินิจส่วนตัวของ
               สำมำรถเปลี่ยนแปลงไปในทำงที่ดีขึ้นได้ ดังนั้นจึงเป็น     คนเรำ
               หน้ำที่ขององค์กรที่จะต้องหำแนวทำงหรือ                 3) คนเรำมีเป้ำหมำย (Goals) มีควำมต้องกำร

               กระบวนกำรที่จะสร้ำง Growth Mindset ให้เกิดกับ           (Desires) ที่แตกต่ำงกัน
               พนักงำนทุกคน                                          4) คนเรำจะแสดงพฤติกรรมนั้นๆ ถ้ำเขำ
                                                                       คำดหวังว่ำผลตอบแทนที่ได้รับคุณค่ำพอ
               ทฤษฎีแรงจูงใจ (Motivation Theory)
                                                                     นอกจำกสมมติฐำนดังกล่ำวแล้ว ยังมีตัวแปร
                       แรงจูงใจ คือ สิ่งกระตุ้น หรือสิ่งเร้ำ ที่ท ำให้  ที่ท ำให้เกิดแรงจูงใจขึ้นอีก 3 ตัวแปร ได้แก่

               บุคคลแสดงพฤติกรรมใดพฤติกรรมหนึ่งออกมำอย่ำง            1) ควำมคำดหวั งในควำมพยำยำม
               มุ่งมั่นและด้วยควำมเต็มใจ เพื่อจะบรรลุเป้ำหมำยหรือ      (Expectancy) เมื่อคนเรำมีควำมเชื่อว่ำ
               วัตถุประสงค์ที่ต้องกำร                                  ตนเองมีควำมรู้ ควำมสำมำรถเพียงพอที่จะ

                       ซึ่งแรงจูงใจ คือ ควำมตั้งใจของบุคคลที่จะท ำบำง  ท ำสิ่งนั้นให้บรรลุผลส ำเร็จ เขำจะมีควำม
               สิ่งบำงอย่ำงและมีเงื่อนไข (Robbin S.P., 2005/2548: 39)   พยำยำมมำกขึ้น ซึ่งควำมพยำยำมที่จะท ำสิ่ง
               ท ำให้เกิดพฤติกรรมซึ่งเกิดจำกควำมต้องกำรของมนุษย์       ดังกล่ำวให้ส ำเร็จก็คือ แรงจูงใจนั่นเอง
               ซึ่งมีทฤษฎีเกี่ยวกับแรงจูงใจหลำยทฤษฎี โดยแต่ละทฤษฎี   2) ควำมคำดหวังในผลตอบแทน (Instrumentality)

               จะมีจุดเน้นที่แตกต่ำงกันไป เช่น กำรศึกษำล ำดับขั้นควำม  เมื่อคนเรำมีควำมเชื่อว่ำ ผลงำน (Performance)
               ต้องกำรของ Abraham Maslow ระดับควำมคำดหวังของ           ที่เกิดขึ้นจำกควำมพยำยำมดังกล่ำว จะเป็น
               Vroom กำรศึกษำควำมพึงพอใจในงำนของ Frederick             เครื่องมือที่ท ำให้ตนเองได้รับผลตอบแทน
               Herzberg กำรจ ำแนกงำนเป็นคุณลักษณะหลักของ               เขำก็จะมีแรงจูงใจมำกขึ้น

               Hackman และ Oldham ซึ่งส่งผลต่อระดับแรงจูงใจที่       3) ควำมมีคุณค่ำของผลตอบแทน (Valance)
               แตกต่ำงกันไป (มณีวรรณ, 2551)                            เมื่อคนเรำมีควำมเชื่อว่ำ ผลตอบแทน


                       หลักกำรระเบิดจำกภำยในนั้น สำมำรถอธิบำย          (Reward) ที่จะได้รับมีคุณค่ำเหมำะสมกับ
               ด้วยทฤษฎีแรงจูงใจด้ำนกระบวนกำร 2 ทฤษฎี คือ              ผลงำนของเขำ เขำก็จะมีแรงจูงใจเพิ่มขึ้นอีก
   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30