Page 34 - สารานุกรมพืช ในประเทศไทย (ฉบับย่อ) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ E-BOOK โดย พระครูโสภณวีรานุวัตร, ดร. วัดป่า สุพรรณบุรี.
P. 34

กระโดน


                กระโดน              สารานุกรมพืชในประเทศไทย          ยำว 5-7 มม. กลีบเลี้ยงหนำ มี 4 กลีบ รูปไข่ ยำว 0.5-1 ซม. เรียงซ้อนเหลื่อม ติดทน
                Careya arborea Roxb.                                 ดอกสีเขียวอ่อน มี 4 กลีบ รูปขอบขนำนแกมรูปไข่กลับ ม้วนงอ ยำว 1.5-3.5 ซม.
                วงศ์ Lecythidaceae                                   เกสรเพศผู้โคนเชื่อมติดกันประมาณ 1 ซม. ก้ำนชูอับเรณูยำว 2.5-4.5 ซม. โคนสีแดง
                                                                     อมชมพู จำนฐำนดอกเป็นวง รังไข่ใต้วงกลีบ มี 3-4 ช่อง เกสรเพศเมียรูปเส้นด้ำย
                  ชื่อพ้อง Careya sphaerica Roxb.
                                                                     ยำวกว่ำเกสรเพศผู้ ติดทน ผลรูปไข่หรือรูปรี ยำว 3-4 ซม. ผนังชั้นนอกบาง ชั้นกลาง
                   ไม้ต้น ผลัดใบ อำจสูงได้ถึง 30 ม. แตกกิ่งต�่ำ กิ่งอ่อนเป็นเหลี่ยม หูใบขนำดเล็ก   เป็นเส้นใย มีได้ถึง 15 เมล็ด รูปไข่ มี 3-4 เหลี่ยม
                ร่วงเร็ว ใบเรียงเวียน รูปไข่กลับกว้ำง ยำว 20-30 ซม. ขอบจักฟันเลื่อย เส้นแขนงใบ  พบที่หมู่เกำะนิโคบำร์ของอินเดีย ภูมิภำคมำเลเซีย และนิวกินี ในไทยพบที่
                เรียงจรดกันใกล้ขอบใบ ก้านใบคล้ายเป็นครีบ ยำว 1-3 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจะ  เบตง จังหวัดยะลำ ขึ้นตำมชำยป่ำดิบชื้นใกล้ล�ำธำร ควำมสูงประมำณ 300 เมตร
                ตั้งขึ้น ออกที่ปลายกิ่งพร้อมผลิใบอ่อน ใบประดับ 3 ใบ ดอกไร้ก้าน กลีบเลี้ยง   ใบอ่อนกินได้คล้ำยกระโดน เปลือกใช้ทำแก้โรคผิวหนัง
                4 กลีบ เชื่อมติดกันประมาณกึ่งหนึ่ง เรียงซ้อนเหลื่อม ยำว 2-2.5 ซม. ดอกสีขำว
                อมเขียว ขอบสีชมพู มี 4 กลีบ รูปขอบขนำน ยำว 4-6 ซม. เกสรเพศผู้จ�านวนมาก   สกุล Planchonia Blume มี 9 ชนิด พบที่หมู่เกาะนิโคบาร์และอันดามันของอินเดีย
                เชื่อมติดกันประมาณ 1 ซม. สีขำวหรืออมแดง วงนอกยำวกว่ำวงด้ำนใน วงใน  ภูมิภาคมาเลเซีย ออสเตรเลีย และหมู่เกาะโซโลมอน ในไทยมี 3 ชนิด พบเฉพาะ
                เป็นหมัน ก้ำนชูอับเรณูยำว 2-4.5 ซม. จำนฐำนดอกรูปวงแหวน รังไข่ใต้วงกลีบ   ทางภาคใต้ตอนล่าง ชื่อสกุลตั้งตามนักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส Jules Émile
                มี 4-5 ช่อง ก้ำนเกสรเพศเมียเรียวยำว ผลสดมีหลำยเมล็ด เส้นผ่ำนศูนย์กลำง 5-8 ซม.   Planchon (1823-1888)
                ปลายผลมีกลีบเลี้ยงติดทน เมล็ดจ�ำนวนมำก รูปขอบขนำน แบน ยำวประมำณ 1 ซม.
                                                                      เอกสารอ้างอิง
                   พบที่อินเดีย อัฟกำนิสถำน ศรีลังกำ พม่ำ ภูมิภำคอินโดจีน คำบสมุทรมลำยู   Pinard, M.A. (2002). Lecythidaceae. In Tree Flora of Sabah and Sarawak Vol.
                และฟิลิปปินส์ ในไทยพบทุกภำค ขึ้นตำมป่ำเต็งรัง ป่ำเบญจพรรณ และป่ำดิบแล้ง   4: 124-128.
                ควำมสูงถึงประมำณ 1000 เมตร เปลือกหนำทนไฟ เส้นใยจำกเปลือกใช้ท�ำเชือก   Prance, G.T. (2012). Lecythidaceae. In Flora of Peninsular Malaysia Vol. 3:
                เบำะรองหลังช้ำง ย้อมผ้ำให้สีน�้ำตำลแดง ใบ ดอก และผลอ่อนเป็นผักสด มีปริมำณ   213-217.
                oxalic acid สูง อำจท�ำให้เกิดนิ่วในกระเพำะปัสสำวะ เมล็ดและรำกมีพิษ

                   สกุล Careya Roxb. อยู่ภายใต้วงศ์ย่อย Barringtonioideae มี 3 ชนิด พบเฉพาะ
                   ในเอเชียเขตร้อน ในไทยมีรายงานว่ามีชนิด C. herbacea Roxb. หรือ กระโดนดิน
                   กระจายทั่วไปตามท้องนา เป็นไม้พุ่มเตี้ย รากหนาอวบ ปัจจุบันหายาก ส่วน C.
                   valida Kurz พบที่หมู่เกาะอันดามันของอินเดีย ชื่อสกุลตั้งตามนักพฤกษศาสตร์
                   ชาวอังกฤษและเป็นหมอสอนศาสนาในอินเดีย William Carey (1761-1834)
                  เอกสารอ้างอิง
                   Prance, G.T. (1998). Careya Roxb. In Plant Resources of South-East Asia
                      5(3). Timber trees: Lesser-known timbers. Prosea Foundation, Bogor,
                      Indonesia.
                   ________. (2012). Lecythidaceae. In Flora of Peninsular Malaysia Vol. 3: 211-213.


                                                                      กระโดนใต้: ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกที่ปลำยกิ่ง แกนช่อและก้ำนดอกหนำ ดอกสีเขียวอ่อน เกสรเพศผู้โคนเชื่อม
                                                                     ติดกัน โคนก้ำนชูอับเรณูสีแดงอมชมพู (ภำพ: เบตง ยะลำ - RP)
                                                                     กระแตไต่ไม้, สกุล
                                                                     Drynaria (Bory) J. Sm.
                                                                     วงศ์ Polypodiaceae
                                                                       เฟินขึ้นบนพื้นดิน บนหิน หรืออิงอำศัย เหง้ำสั้นหรือทอดเลื้อย เกล็ดจักซี่ฟัน
                                                                     ใบส่วนมำกแยกเป็น 2 แบบ ใบประกบต้นไร้ก้าน ติดทน เป็นที่กักเก็บซากพืช
                                                                     คล้ายตะกร้า ใบแท้แฉกแบบขนนก กลุ่มอับสปอร์ขนำดเล็ก เรียงเป็นแถวตำม
                                                                     เส้นแขนงใบ อับสปอร์เกลี้ยงหรือมีต่อมขน สปอร์มีหนามหรือตุ่มกลม ๆ
                                                                       สกุล Drynaria หรือ Basket ferns มีกว่า 50 ชนิด พบในเขตร้อนและกึ่งเขต
                                                                       ร้อน ในไทยมี 7 ชนิด ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก “dryinos” ต้นก่อ หมายถึงใบ
                                                                       จักเป็นพูคล้ายใบก่อ หลายชนิดมีสรรพคุณด้านสมุนไพร

                  กระโดน: เรือนยอดแผ่กว้ำง ผลรูปไข่หรือเกือบกลม กลีบเลี้ยงติดทน ช่อดอกแบบช่อกระจะตั้งขึ้น (ภำพซ้ำยบนและ  กระแตไต่ไม้
                ภำพล่ำง: แม่สะนำม เชียงใหม่ - RP); กระโดนดิน: ไม้พุ่มเตี้ย ช่อดอกออกสั้น ๆ ที่ปลำยกิ่ง (ภำพขวำบน: เนปำล - RP)
                                                                     Drynaria bonii Christ
                กระโดนใต้                                              เฟินเกำะอิงอำศัย เหง้ำทอดเลื้อย มีเกล็ดหนำแน่น กลางเกล็ดมีสีน�้าตาลด�า
                Planchonia valida (Blume) Blume                      ขอบสีอ่อน รูปไข่ ปลายยาวคล้ายหาง ขอบจักซี่ฟันหรือจักชำยครุย ใบประกบต้น
                วงศ์ Lecythidaceae                                   จ�านวนมากเรียงซ้อนเหลื่อมหุ้มเหง้า รูปไข่ ยำว 5-10 ซม. โคนเว้ำรูปหัวใจ ใบจัก
                  ชื่อพ้อง Pirigara valida Blume                     เป็นพูแบบขนนก ยำว 30-55 ซม. แฉกลึก รูปใบหอกกลับ ยำว 10-22 ซม. ปลำยแหลม
                   ไม้ต้น สูงได้ถึง 35 ม. โคนมีพูพอน กิ่งมักเป็นเหลี่ยม รอยแผลใบชัดเจน หูใบรูป  หรือยำวคล้ำยหำง โคนเรียวแคบเชื่อมติดกันคล้ำยปีก ก้ำนใบยำว 10-25 ซม. มีปีก
                ลิ่มแคบ ร่วงเร็ว ใบเรียงเวียน รูปรีหรือรูปไข่กลับ ยำว 10-20 ซม. ปลำยแหลมยำว   แคบ ๆ โคนมีเกล็ดหนำแน่น กลุ่มอับสปอร์รูปกลม ๆ เรียงไม่เป็นระเบียบ 2-4 แถว
                โคนสอบจรดก้านใบคล้ายเป็นครีบ ขอบจักฟันเลื่อย ก้ำนใบยำว 1-3 ซม. ช่อดอก  ระหว่างเส้นแขนงใบ
                แบบช่อกระจะตั้งขึ้น ยำว 6-13 ซม. แกนช่อและก้านดอกหนา ยำว 0.2-1 ซม.   พบที่จีน และภูมิภำคอินโดจีน ในไทยพบแทบทุกภำค ยกเว้นภำคใต้ ขึ้นตำม
                ใบประดับคล้ำยใบ ใบประดับย่อยรูปขอบขนำน ยำว 0.7-1.5 ซม. ติดทน ฐำนดอก  ป่ำดิบแล้ง และป่ำดิบชื้น ควำมสูงถึงประมำณ 1000 เมตร


                14






        59-02-089_001-112 Ency_new1-3_J-Coated.indd   14                                                                  3/1/16   5:22 PM
   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39