Page 389 - คำวินิจฉัยศาลปกครองด้านพัสดุ
P. 389
๓๗๕
ประมาณร้อยละ ๗๐ ของปริมาณงานทั้งหมด ถือเป็นกรณีมีเหตุอันเชื่อได้ว่าเอกชน
ผู้รับจ้างไม่สามารถด าเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามสัญญา เข้าลักษณะเป็นการ
ไม่ปฏิบัติตามสัญญาโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร และแม้จะปรากฏว่าเอกชนผู้รับจ้าง
ได้ว่าจ้างผู้รับจ้างช่วงโดยความยินยอมของหน่วยงานทางปกครอง ก็หามีผลท าให้ผู้รับจ้าง
หลุดพ้นความรับผิดตามสัญญาไป หัวหน้าหน่วยงานทางปกครองผู้ว่าจ้างจึงมีสิทธิ
บอกเลิกสัญญา และมีอ านาจออกค าสั่งลงโทษให้เอกชนผู้รับจ้างเป็นผู้ทิ้งงานได้
สรุปข้อเท็จจริง
้
้
กรุงเทพมหานคร (ผู้ถูกฟองคดี) ท าสัญญาจ้างให้ผู้ฟองคดีปรับปรุงถนนเอกชัย
จอมทอง (โค้งคอกม้า) โดยมีก าหนดระยะเวลาแล้วเสร็จตามสัญญาภายในวันที่ ๑๒ มกราคม
้
ั
้
๒๕๔๔ ปรากฏว่าภายหลังการท าสัญญา ผู้ฟองคดีประสบกับปญหาอุปสรรคเนื่องจากผู้ถูกฟองคดี
้
้
ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้แก่ผู้ฟองคดีได้ ต่อมา ผู้ถูกฟองคดีได้ต่ออายุสัญญาให้แก่
้
้
ผู้ฟองคดีออกไปเป็นเวลา ๒๘๑ วัน ตามบันทึกต่อท้ายสัญญา (ครั้งที่ ๑) แต่ผู้ฟองคดีเห็นว่า
้
กรณีดังกล่าวท าให้ผู้ฟองคดีได้รับความเสียหาย จึงเสนอข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการเพื่อ
้
้
ขอให้ผู้ถูกฟองคดีชดใช้ค่าเสียหาย ช าระค่าปรับในสัญญาที่ผู้ฟองคดีท าไว้กับส่วนราชการอื่น
และให้ขยายระยะเวลาท างานตามสัญญาออกไปอีก ในระหว่างการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการ
้
้
ปรากฏว่า ผู้ถูกฟองคดีได้ต่ออายุสัญญาให้แก่ผู้ฟองคดีออกไปอีก ๒๕๓ วัน ตามบันทึกต่อท้าย
ั
้
้
สัญญา (ครั้งที่ ๒) และได้แจ้งให้ผู้ฟองคดีทราบว่า ผู้ถูกฟองคดีได้แก้ไขปญหาอุปสรรคในการ
้
้
ท างานของผู้ฟองคดีเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยให้ผู้ฟองคดีเข้าด าเนินการก่อสร้างภายใน ๑๕ วัน
้
้
้
แต่ผู้ฟองคดีมีหนังสือแจ้งข้อเรียกร้องกลับไปยังผู้ถูกฟองคดีเพื่อให้ผู้ถูกฟองคดีชดใช้ค่าเสียหาย
้
้
ต่ออายุสัญญาออกไปเป็นครั้งที่ ๓ พร้อมทั้งแจ้งว่าหากผู้ถูกฟองคดีไม่ตกลงยินยอม ผู้ฟองคดี
้
้
ขอยกเลิกสัญญาโดยไม่เสียค่าปรับ และขอให้ผู้ถูกฟองคดีคืนหลักประกันสัญญาให้แก่ผู้ฟองคดี
้
ั
้
ต่อมา ผู้ฟองคดีกับผู้ถูกฟองคดีได้ตกลงหารือร่วมกันเพื่อแก้ไขปญหาการก่อสร้างและยุติ
้
ความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับประชาชน ซึ่งผลจากการหารือร่วมกันดังกล่าวท าให้ต่อมาผู้ฟองคดี
้
้
ได้ท าสัญญาจ้างบริษัท พ. เป็นผู้รับจ้างช่วง โดยผู้ถูกฟองคดีให้ความยินยอม และผู้ฟองคดีกับ
้
้
ผู้ถูกฟองคดีได้ตกลงท าสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งมีสาระส าคัญ คือ ผู้ถูกฟองคดียอม
้
ขยายระยะเวลาการท างานก่อสร้างออกไปอีก ๒๔๐ วัน และยินยอมให้ผู้ฟองคดีว่าจ้างผู้รับจ้างช่วง
้
เพื่อท าการก่อสร้างให้แล้วเสร็จโดยผู้ฟองคดีเป็นผู้รับผิดชอบในผลงานที่ผู้รับจ้างช่วงท าไป
้
้
เสมือนหนึ่งเป็นการกระท าของผู้ฟองคดี ทั้งนี้ ผู้ถูกฟองคดีไม่ติดใจเรียกร้องค่าปรับรวมทั้ง
้
ค่าเสียหายใดๆ จากผู้ฟองคดี ซึ่งคณะอนุญาโตตุลาการได้มีค าชี้ขาดให้เป็นไปตามสัญญา
้
้
ประนีประนอมยอมความดังกล่าว ต่อมา ผู้ถูกฟองคดีมีหนังสือแจ้งให้ผู้ฟองคดีทราบว่า